นอกจากการเปิดตัวกล้อง canon R5 ที่เรียกเฮฮาจากแฟนคลับและสื่อสายกล้องแล้วยังมีการเปิดตัวอีกหนึ่งกล้องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน EOS C300 Mark III กล้องสายภาพยนตร์ Super 35mm ที่ใช้เซนเซอร์ new Dual Gain Output (DGO) sensor รวมถึงการออกแบบที่ใช้พื้นฐานจาก Canon’s C500 Mark II
รูปลักษณ์ภายนอกของ EOS C300 Mark II ที่ดูจะมีทั้งความเหมือนและแตกต่างจาก C500 Mark II ทำให้กล้องรุ่นใหม่ใช้งานอุปกรณ์เสริมของ C500 Mark II ขณะเดียวกันทางฝั่งกล้องรุ่นพี่ก็ยังสามารถใช้งานอุปกรณ์เสริมจากฝั่ง EOS C300 Mark II แต่ในกล้องรุ่นใหม่ทางแคนอนใส่ anamorphic desqueeze ที่รองรับ เลนส์ 2x และ 1.3x รวมถึงอุปกรณ์เสริมเลนส์ที่ผู้ใช้ถอดเปลี่ยนได้ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสลับเมาท์เลนส์โดยไม่จำเป็นต้องไปที่ศูนย์บริการ (มาพร้อมกับเมาท์ EF แต่ยังสามารถใช้ล็อค Cinema EF และเลนส์เมาท์ PL พร้อมชุดอุปกรณ์เสริม)
จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า EOS C300 Mark III ใช้ 4K Super 35mm DGO sensor ที่ใช้ imaging processor รุ่นใหม่ new DIGIC DV7 ระบบ DGO ใหม่ช่วยให้เซ็นเซอร์จับช่วงไดนามิกได้สูงสุด 16 สต็อปโดยแบ่งแต่ละพิกเซลออกเป็นสองไดโอดที่จับภาพสองภาพพร้อมกันในระดับเกนต่างกัน เป็นแนวคิด ‘dual gain’ ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่ใช้โดยผู้ผลิตกล้องส่วนใหญ่ซึ่งพิกเซลของเซ็นเซอร์ทั้งหมดใช้โหมดอัตราขยายหนึ่งในสองโหมด
ไดโอดสองตัวเหล่านี้ภายในแต่ละพิกเซลใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับเฟสของ Dual Pixel CMOS AF ของแคนนอนซึ่งจะทำงานที่ 120 เฟรมต่อวินาที (fps) ด้วย C300 Mark III ใหม่
เซนเซอร์ในกล้องรุ่นใหม่นี้จะสามารถบันทึกไฟล์วีดีโอขนาด 4K DCI/UHD 120fps รวมถึงวีดีโอ 2K ที่สูงถึง 180fps 4:2:2 10-bit XF-AVC ทั้งยังมีไฟล์ Log ทั้ง Log 2 และ Log 3 ผ่าน 12G-SDI timecode I / O, อินพุต genlock BNCs รวมถึงรองรับ LUT ของผู้ใช้สำหรับการใช้ LUTS ในกล้องและช่องเสียบ CFexpress สองช่อง
หากไม่มีกริปที่รวมไว้กรอบวัดแบบแยกส่วนจะอยู่ที่ 183 มม. (7.2 นิ้ว) สำหรับทั้งความกว้างและความสูงและลึก 149 มม. (5.9 นิ้ว) ด้วยน้ำหนักประมาณ 1,750 กรัม (3.9 ปอนด์)
ทางแคนนอนจะเริ่มวางขายในช่วงปลายปี 2020 พร้อมอุปกรณ์เสริม 13 ชิ้น