สำหรับสเปคในตัวกล้อง คือจะใช้เซนเซอร์ Live MOS 20.4 ล้านพิกเซล, ISO 200-64,000 ขยายได้ต่ำสุดถึง 64, ถ่ายวิดีโอได้ถึง 4K ที่ 24 ภาพต่อวินาที, ใช้หน่วยประมวลผลภาพ TruePic VIII เร็วกว่ารุ่นเดิมถึง 3.5 เท่า, ใช้ชัตเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์จึงทำให้ถ่ายภาพรัวได้สูงสุด 60 ภาพต่อวินาทีในโหมดล็อก AF/AE และ 18 ภาพต่อวินาทีในโหมดติดตาม AF/AE
ในด้านระบบโฟกัสและกันสั่น E-M1 Mark II มีจุดโฟกัส 121 จุดแบบ cross-type on-chip สามารถออโต้โฟกัสได้แบบ phase detection และ contrast detection, ระบบกันสั่น 5 แกนปรับปรุงใหม่ลดความเร็วชัตเตอร์ได้ถึง 5.5 สตอป และเมื่อทำงานร่วมกับกันสั่น 5 แกนในเลนส์บางตัวสามารถลดความเร็วชัตเตอร์ลงได้ถึง 6.5 สตอป
ส่วนบอดี้และการแสดงผล มีการซีลกันน้ำสาด, กันฝุ่น และกันการแช่แข็ง (ได้เย็นสุดถึง -10 องศาเซลเซียส), ระบบกำจัดฝุ่น Supersonic Wave Filter จะสั่นมากกว่า 3 หมื่นครั้งต่อวินาทีเพื่อลดฝุ่นที่จะมาจับตัวเซนเซอร์ในช่วงเปลี่ยนเลนส์, ชัตเตอร์แบบใหม่ทนทานการันตีที่ 2 แสนภาพ, มีช่องเสียบการ์ด SD สองช่อง ช่องแรกรองรับถึงมาตรฐาน UHS-II ส่วนอีกช่องรองรับถึงมาตรฐาน UHS-I, มีจอ LCD ความละเอียด 1.037 ล้านจุด ปรับขึ้นลงได้หลายมุม, ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ความละเอียด 2.36 ล้านจุด
สำหรับกล้อง Olympus OM-D E-M1 Mark II จะวางขายจริงในช่วงท้ายปีนี้ ส่วนราคาวางจำหน่ายยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ
ขอบคุณเนื้อหาและภาพประกอบ, บทความโดย: nutmos
ที่มา : dpreview, sanook.com