เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ Canon EOS 200D Mark II กล้อง DSLR ที่เบาที่สุดรุ่นหนึ่ง เน้นเรื่องขนาดกะทัดรัดและความสามารถในการถ่ายภาพและวีดีโอ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าดูจากสเปคกล้องแล้วจะเห็นว่ามีความใกล้เคียงกับ EOS M50 กล้องตัวเล็กจากฝั่ง Mirrorless เราจะมาเปรียบเทียบกล้องทั้ง 2 รุ่นนี้กัน เพื่อหาคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
ข้อดีที่เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น
เซนเซอร์ CMOS ขนาด APS-C ความละเอียดภาพ 24.1 ล้านพิเซล
หน่วยประมวลผล DIGIC 8 ใหม่ล่าสุดที่ทรงพลัง
โฟกัสอัตโนมัติที่ติดตามรวดเร็วและแม่นยำ
มีหน้าจอ LCD 3 นิ้ว แบบปรับหมุนได้ รองรับการสัมผัสเต็มระบบ
รองรับวิดีโอ 4K ที่ให้ภาพที่มีทั้งความคมชัด ความใส และมิติ
รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth สำหรับการส่งภาพและวีดีโอผ่านอุปกรณ์อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
ข้อเปรียบเทียบบอดี้ภายนอก
EOS 200D Mark II นั้นเป็นกล้อง DSLR ย่อมมีขนาดใหญ่กว่า EOS M50 เนื่องจากห้องกระจก แต่จะเห็นว่ามีขนาดใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อย ถือว่าเล็กมากสำหรับกล้อง DSLR
โดย EOS 200D Mark II ใช้เมาท์ EF ซึ่งต่างจาก EOS M50 ที่ใช้เมาท์ EOS-M ทำให้มีตัวเลือกเลนส์ใช้งานมากกว่าโดยไม่ต้องผ่านอแดปเตอร์
ส่วนแบตเตอรี่ EOS 200D Mark II ใช้ LP-E17 บันทึกภาพได้ 1,070 ภาพ ในขณะที่ M50 ใช้ LP-E12 ซึ่งได้เพียง 235 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
แต่ข้อเสียทั้ง 2 รุ่น คือ ไม่ใช่ Weather Seal
ข้อเปรียบเทียบเซนเซอร์
ทั้ง 2 รุ่น มีเซ็นเซอร์ APS-C x1.6 อัตราส่วนเท่ากับ 3:2 ให้ความละเอียดภาพเท่ากันที่ 24 ล้านพิกเซล มีช่วงความไวISOตั้งแต่ 100 ถึง ISO 25600 ซึ่งสามารถขยายเป็น ISO 100-51200 เหมือนกันทุกประการ
สิ่งที่แตกต่าง คือ วีดีโอ EOS 200D Mark II ให้อัตราเฟรมที่สูงกว่า EOS M50 สามารถถ่ายวิดีโอวิดีโอที่ 4K / 25p ในขณะที่ M50 ถูกจำกัด ไว้ที่ 4K / 24p
ข้อเปรียบเทียบฟีเจอร์
ทั้ง 2 รุ่น นอกเหนือจากบอดี้และเซนเซอร์ ยังมีความแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น EOS M50 มีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (ความละเอียด 2360k จุด) ในขณะที่ EOS 200D Mark II เป็นช่องมองภาพแบบ Optical ที่ให้ความชัดเจนมากกว่าและไม่มีอาการแล็ค
EOS 200D Mark II ยังมี intervalometer ในตัว สิ่งนี้ช่วยให้ช่างภาพสามารถบันทึกไทม์แลปโดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์และซอฟต์แวร์เพิ่มเติม
ส่วน EOS M50 เด่นกว่าในเรื่องบันทึกภาพต่อเนื่อง โดยสามารถบันทึกภาพได้ 10 ภาพ/วินาที ขณะที่ EOS 200D Mark II ทำได้เพียง 5 ภาพ/วินาที
ข้อเปรียบเทียบการเชื่อมต่อ
ทั้ง 2 รุ่นรองรับ WiFi และ Bluetooth ในการควบคุมอุปกรณ์เสริมและถ่ายโอนข้อมูล แต่ EOS M50 ยังเพิ่ม NFC เข้ามาด้วย รองรับ USB-2.0 และ HDMI เหมือนกัน ต่างกันตรงที่ขนาด EOS 200D Mark II ใช้แบบ mini EOS M50 ใช้แบบ micro มีช่องต่อไมโครโฟน 3.5 เหมือนกัน ซึ่งดีมากสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกเสียง แต่ข้อเสีย คือ ทั้ง 2 รุ่น ไม่มีช่องต่อหูฟัง
พิเศษ! Canon EOS 200DII ลดราคาจากปกติ 21,900.- เหลือเพียง 20,900.- สามารถสั่งซื้อได้โดยคลิกที่รูปภาพด้านบน
Canon EOS 200DII มีจำหน่ายเพียงที่เดียวและที่แรกในไทยเฉพาะ EC-Mall เท่านั้น!
ด่วน! ก่อนสินค้าจะหมด
เหตุผลที่ควรเลือก EOS 200D Mark II
- วิดีโอดีกว่า: ให้ภาพเคลื่อนไหวที่สูงกว่า (4K / 25p เทียบกับ 4K / 24p)
- การจัดเฟรมที่ดีกว่า: มีช่องมองภาพแบบออพติคอลเพื่อการจัดองค์ประกอบที่ชัดเจนและปราศจากความล่าช้า
- การถ่ายภาพไทม์แลปที่ง่ายขึ้น: มีตัววัดค่าในตัวสำหรับการตั้งค่าความถี่
- การใช้งานยาวนานกว่า: สามารถถ่ายภาพได้มากกว่า (1070 กับ 235) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งก้อน
- ทันสมัยกว่า: ประกาศเปิดตัว 1 ปีกับ 1 เดือนหลังจาก M50
เหตุผลที่ควรเลือก EOS M50
- แสดงข้อมูลการถ่ายภาพมากกว่า: ช่องมองอิเล็คทรนิกส์แสดงรายละเอียดมากกว่าช่องมองภาพแบบออพติคอล
- ถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากกว่า: ถ่ายที่ความถี่สูงกว่า (10 เทียบกับ 5 ภาพ / วินาที)
- เบากว่า: มีน้ำหนักที่ต่ำกว่าและง่ายต่อการพกพา
- เป็นมิตรกับเลนส์มือหมุน: สามารถใช้เลนส์ที่ไม่ใช่ของค่ายผ่านอะแดปเตอร์ได้ และมี Focus Peaking
- การจับคู่อุปกรณ์ง่ายขึ้น: รองรับ NFC ระบบไร้สายที่รวดเร็ว
ฟีเจอร์สุดพิเศษเฉพาะตัวของ Canon EOS 200DII
- Clean HDMI
ฟีเจอร์การลบข้อมูลที่อยู่บนหน้าจอ หรือ OverLay ของกล้องนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ดั้งเดิมนานแล้ว มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการใช้กล้องในการไลฟ์สตรีมมิ่งหรือถ่ายทำวีดีโอ สำหรับ Canon ก็มีฟีเจอร์นี้อยู่ชื่อว่า HDMI Info Disp. โดยมีเฉพาะในกล้องรุ่นสูงๆของค่าย อาทิเช่น EOS-1DXII EOS-5DIV, EOS-R ฯลฯ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมากเพื่อใช้งานด้านนี้ ในทางกลับกัน EOS 200DII เป็นกล้องที่จัดวางไว้สำหรับมือใหม่มีฟีเจอร์นี้ปรากฎอยู่ ทำให้สามารถใช้งานฟีเจอร์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเท่าเดิมอีกแล้ว
- บันทึก 4K พร้อม Eye Detection AF
ฟีเจอร์ระบบโฟกัสติดตามดวงตาสำหรับการถ่ายภาพบุคคล สำหรับ Canon ฟีเจอร์นี้มาพร้อมระบบประมวลผล DiGiC 8 ซึ่ง EOS 200DII ก็มีความสามารถนี้มาด้วย แถมเป็นกล้องDSLRตัวแรกที่สามารถทำได้อย่างเต็มระบบทั้งOne Shot/SERVO/AI-SERVO แต่สิ่งพิเศษเฉพาะตัวของกล้อง คือ สามารถใช้ฟีเจอร์นี้การบันทึกวีดีโอ 4K ไปด้วยกันได้
- ระบบ Digital IS ที่พัฒนาอย่างสุดยอด
ฟีเจอร์ป้องกันภาพสั่นไหวด้วยโปรแกรมเฉพาะการบันทึกวีดีโอ แต่เดิม Canon นั้นมีฟีเจอร์นี้อยู่แล้ว แต่ใน EOS 200DII ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ให้สามารถทำงานได้อย่างน่าประทับใจมาก สามารถเลือกการตั้งค่าได้ 2 อย่าง ภาพวีดีโอได้จากฟีเจอร์นี้จะมีความเหมือนว่ากำลังใช้งานกิมบอลชนิดที่ไม่สามารถแยกออกได้เลย
- วีดีโอ HDR
ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ Canon นำมาใช้งานกับ EOS 200DII โดยจะทำงานเหมือนกับการบันทึกภาพนิ่งเป็น HDR กล้องจะเก็บค่าแสง3ช่วง พร้อมกันแล้วนำมาประมวลผลเป็นภาพเดียว ทำให้เมื่อบันทึกวีดีโอในสภาพแสงที่มีความต่างค่ากันสูงมาก(บางจุดสว่าง บางจุดมืด) กล้องจะปรับสภาพแสงให้มีความเฉลี่ยเท่ากันอย่างเสร็จสรรพ เราจะได้ไฟล์วีดีโอที่ค่าแสงสมบรูณ์ไม่ต้องนำไปตัดต่อเพิ่มเติม
- Digital Zoom
ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดอีกอย่างที่ Canon นำมาใช้งานกับ EOS 200DII โดยกล้องสามารถซูมภาพได้ 3-10 เท่า เมื่อบันทึกวีดีโอ ช่วยให้สามารถจับภาพระยะไกลได้มากกว่าเดิมโดยที่ไม่ต้องใช้เลนส์เทเลโฟโต้หรือเลนส์ที่มีช่วงโฟกัสทางยาว