11 ความง่ายของ Adobe Premier RUSH ที่คนหัด Vlog ต้องลอง

โปรแกรมตัดต่อที่มีให้เลือกใช้กันหลากหลาย โดยแต่ละแอพลิเคชั่นต่างก็มีลูกเล่นและการออกแบบที่ต้องการให้มือใหม่ใช้งานง่ายมากที่สุด และยิ่งในปัจจุบันต่างใช้สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ถ่ายวีดีโอมากขึ้น แอพลิเคชั่นหรือโปรแกรมตัดต่อเหล่านี้จึงมีความสำคัญมากขึ้นทีเดียว วันนี้ผู้เขียนคนเดิมเพิ่มเติมคือจะมาแนะนำ  Adobe Premier RUSH ที่ไม่เหมือน RUSH Hour แต่อยากจะเล่าว่าแอพนี้ดีประมาณไหนในสายตาคนมือใหม่หัดตัดต่อ

1.ออกแบบหน้าตาให้เข้าใจง่าย

Premiere RUSH  เป็นโปรแกรมและแอพลิเคชั่นที่ออกแบบมาให้เข้าใจง่ายและไม่ได้ซับซ้อนอย่าง Premiere Pro  ที่จะมีเครื่องมือและความยุ่งยากซับซ้อนมากกว่า เมนูต่างๆที่มีในเวอร์ชั่น RUSH นั้นจะมีน้อยกว่าและใช้ไอคอนเป็นสื่อกลางที่มาช่วยมมือใหม่เข้าใจง่ายและรวดเร็ว แถมยังมี pop-up อธิบายทุกครั้ง ถือว่าเป็นองค์รวมที่จะช่วยให้มือใหม่เข้าใจ

2.วีดีโอสอนใช้งานมีให้ชม

เป็นการเตรียมตัวมาดีมากสำหรับทาง adobe ที่มีการเตรียมตัวให้มือใหม่สามารถเรียนรู้การใช้งานแอพลิเคชั่นได้จากหน้าเว็บของทางผู้ผลิต รวมไปถึงเสนอไอเดียใหม่ๆ มาเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ใช้งานเรียนรู้และทดลองทำจากโปรแกรม Premiere RUSH

3.เพลงมีให้เลือกสบายๆ 

เพลงเป็นเรื่องที่ผู้เขียนเองก็แอบปวดหัวที่จะต้องไปตามหาในเว็บไซต์ต่างๆ  แต่ในตัว  Premiere RUSH มีเพลงให้เลือกใช้ฟรีให้เลือกหลายเพลง หลายแนว ผ่านเมนู Audio ซึ่งผู้ใช้งานสามารถฟังเพลงก่อนเอามาลงในเส้นเสียงได้  ซึ่งใครที่อยากจะเอาบางส่วนของเพลงก็สามารถทำได้ ตัวโปรแกรมทำพรีวิวมาให้เราเลือกบางส่วนมาลงได้

4.Auto Duck  ฟีเจอร์ที่ลดเสียงเพลงได้ทันทีเมื่อมีเสียงพูด 

เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ต่อมือใหม่ มากๆ เพราะฟีเจอร์ Auto Duck  เป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยให้เสียงเพลงเบาลงเมื่อเจอช่วงที่มีเสียงพูดเข้ามา ตัวระบบจะลดเสียงเพลงให้เบาลงทันที ซึ่งจากที่ลองทำก็ต้องว่าฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากๆ 

5. mute เสียงง่ายได้ปุ่มเดียว

ด้วยความมือใหม่ของผู้เขียนตอนใช้ Premiere Pro footage ที่อักมาถ้าอยากจะปิดเสียงต้องไปแยกไลน์เสียงออกจากคลิปก่อนที่จบเสียงออก แต่ใน Premiere RUSH เราเพียงกด MUTE คลิปที่เราเลือกจะไม่มีเสียงทันที ทำให้เราได้ช่วงที่มีเสียงเพลงแทนเสียงลม เสียงพูดที่เราไม่ต้องการ

6.ฟีเจอร์ effect ใช้งานง่าย ปรับแต่งง่าย

คลิกที่คลิปหรือเสียงแล้วไปที่เมนู effect แล้วเลือกรูปแบบที่อยากได้ โปรแกรมจะใส่มาให้ทันทีพร้อมทั้งยังสามารถปรับแต่งการเกิดเอฟเฟคได้ง่าย รวดเร็ว ทั้งมีให้เลือกประมาณ 16 แบบ 

7.ปรับแต่งสีวีดีโอพื้นฐานได้ง่าย

บางครั้งวีดีโอที่ได้มาอาจจะมืด หรือสว่างมากเกินไป การปรับแต่งค่าความสว่างหรืออุณหภูมิตามที่ต้องการได้ง่าย ด้วยหน้าตาที่คล้ายๆ กับ Lightroom ช่วยให้คนทั่วไปใช้งานง่าย

8.ตั้ง sequence โคตรง่าย

มือใหม่อย่างเราๆ จะใช้ Premiere Pro แต่ละทีตั้งค่าวุ่นวาย แต่ในตัว RUSH แค่เริ่ม import วีดีโอก็จบเรียบร้อยไม่ต้องยุ่งยากทั้งยังปรับขนาดอัตราส่วนวีดโอได้ง่ายแค่คลิกเดียว ถือว่าไม่ต้องมาพะวงกับการการตั้งค่าเบื้องตนอย่างรุ่นโปร

9.ไลน์เสียง ไลน์ภาพ มีให้ใช้สบายๆ 

บางโปรแกรมจะมีข้อจำกัดของเรื่องไลน์ที่มาให้จำกัดทำให้เราไม่สามารถใส่โลโก้ซ้อนลงวีดีโอหรือจะทำซับวาง รวมไปถึงอยากเสริมเสียงพิเศษไว้เสริมความตลก เฮฮาให้กับคลิปของเรา ซึ่ง RUSH มีไลน์เสียงและภาพมาให้ใช้ประมาณอย่างละสามถึงสี่ไลน์ ทำให้วีดีโอเราดูเหมือนโปรมามากขึ้น 

10. ตัดหน้าคอมพิวเตอร์มันเหนื่อย โยนไปตัดต่อในสมาร์ทโฟนก็ได้

เป็นลูกเล่นที่ดีช่วยให้เราสามารถตัดต่อในที่ต่างๆ หรือบนอุปกรณ์อื่นๆ ได้ไม่จำกัด เพราะตัว ADOBE มีระบบ cloud มาให้ทำให้การส่งโอนงานไปอุปกรณ์อื่นๆ ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากแต่ฟีเจอร์จะมีตอนเราเสียเงินรายเดือนแล้วเท่านั้น

11 เวอร์ชั่นนี้มีฟรีแต่เสียเงินรายเดือนคุ้มกว่า 

แม้จะมีให้ฟรีแต่ก็มีข้อจำกัดการexport ที่ 3 คลิป หากใช้งานแต่ถ้าเราใช้บ่อย สามารถจ่ายเพียงเดือนละ 300 กว่าบาทก็จะได้ Premiere Rush แบบฟูลฟีเจอร์ พร้อมพื้นที่เก็บบน cloud 100GB มาให้เก็บงานของเราเพื่อเปิดทำงานในอุปกรณ์อื่นๆ ได้ทันที ผู้เขียนทดลองใช้และเสียเงินซื้อไปเรียบร้อย 

ใครสนใจอยากหาโปรแกรมตัดต่อดีๆ สักอัน  Premiere RUSH ถือว่าดีใช้งานได้