มาเลือก Portrait Lens กัน

portrait_lens2.pngเนื่องจากตอนนี้กล้อง ดิจิตอล SLRได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งจากตากล้องรุ่นเก๋าและตากล้องมือใหม่เนื่องจากราคาที่ถูกลงมามากและใกล้เคียงกับกล้องดิจิตอลคอมแพค โดยทั่วไปกล้องดิจิตอลSLR ก็จะมีเลนส์แถมมาให้เป็น เลนส์ซูมที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปแล้วก็ตาม การถ่ายภาพ Portrait หรือภาพบุคคลถือเป็นภาพที่มีโอกาสการใช้มากถึงมากที่สุดการจะใช้เทคนิคการถ่ายภาพPortraitโดยใช้เลนส์ซูมที่มากับกล้องไม่สามารถทำได้ดีเท่า Portrait Lens โดยเฉพาะอย่างแน่นอนอย่างเช่น เทคนิคยอดฮิตได้แก่ เทคนิคหลังละลายเป็นต้น จึงถือได้ว่าPortrait Lens เป็นเลนส์ตัวที่2ประจำกระเป๋าที่จำต้องมีสำหรับช่างภาพทั้งมือใหม่ ไปจนถึง มืออาชีพ กันเลยทีเดียวตอนนี้เรามาเข้าสู่ขั้นตอนการเลือก เลนส์ Portrait กันเลยครับ

 

 

ทำไมต้องใช้Portrait Lens

เทคนิคการถ่ายภาพบุคคลยอดนิยมที่ช่างภาพทุกคนจะต้องรู้จักได้แก่ เทคนิคหน้าชัดหลังเบลอหรือเทคนิคหลังละลายซึ่งเทคนิคคร่าวๆ คือการเปิดความไวชัทเตอร์ให้แสงเข้ามาให้สั้นที่สุด(แต่ให้เหมาะสมกับระยะวัตถุที่จะถ่ายด้วย)ในการเปิดชัทเตอร์เพียงเสี้ยววินาทีนั้นปัญหาที่จะเกิดตามมาก็คือภาพจะมืด หากรูรับแสงที่เปิดมีความกว้างไม่เพียงพออย่างเช่น เลนส์ Kit18-55mm F3.5-5.6 ที่มากับกล้อง SLR ทั่วไปมีความสามารถเปิดรูรับแสงที่กว้างสุดแค่ F3.5(เลขยิ่งน้อยหมายถึงรูรับแสงที่กว้างกว่า)ดังนั้นการจะใช้เทคนิคนี้ได้ดีจะต้องใช้เลนส์ที่สามารถเปิดรูรับแสงได้กว้างๆอย่างเช่น F2.8,F1.8 , F1.4 หรือ F1.2เป็นต้น

 
portrait_lens1.png

รูปจาก : www.wlcastleman.com

ปัจจัยที่ต้องคำนึงในการเลือกPortrait Lens

  1. เลนส์ Fix หรือ Zoomคำถามแรกที่ต้องพิจารณาก็คือ มีความจำเป็นจะต้องใช้เลนส์ซูมด้วย หรือไม่ เนื่องจากบางท่านอาจจะไม่สะดวกในการที่จะต้องเปลี่ยนเลนส์ เข้าออก จึงเลือกเลนส์ตัวเดียว ที่สามารถซูมได้ ใช้งานได้หลากหลาย และยังสามารถถ่ายภาพ Portrait ได้อีกด้วย ซึ่งประโยชน์ที่ได้มานั้น จะต้องแลกกับค่ารูรับแสงที่จะแคบกว่า กับระดับราคาที่แพงหูฉี่ อย่างเช่น เลนส์ 24-70mm F/2.8 ซึ่งราคาเหยียบไปเกือบๆ ครึ่งแสน แต่มีค่ารูรับแสงที่แคบกว่า เลนส์ 50mm F/1.8 ซึ่งราคาไม่ถึง 5,000 บาทด้วยซ้ำ

  2. ช่วงเลนสเนื่องจากลักษณะการใช้งานของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ชอบถ่ายภาพครึ่งตัว ภาพเต็มตัว หรือชอบเล็งภาพจากระยะไกล เป็นต้น ซึ่งช่วงเลนส์ที่นิยมใช้ถ่ายภาพ Portrait จะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 50mm เป็นต้นไป ระยะที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีด้วยกัน 2 ระยะ ได้แก่ 50mm ซึ่งเวลาถ่ายภาพครึ่งตัว ระยะห่างระหว่างตากล้องกับแบบ อยู่ที่ประมาณ 4-5 เมตร และ 85mm ซึ่งระยะห่างระหว่างตากล้องกับแบบ อยู่ที่ประมาณ 6-7 เมตร เมื่อเปรียบเทียบเลนส์ 2 ระยะนี้แล้ว ความแตกต่างคือ ระยะ 50mm จะเก็บภาพได้สะดวกกว่า มุมกว้างกว่า ทำให้ไม่ต้องถอยหลังไกล และเก็บภาพเต็มตัวได้ง่ายกว่า ส่วนเลนส์ 85mm จะได้เปรียบใน โดยภาพที่ได้หลังจะละลายมากกว่า แต่มีข้อเสียคือ การจะเก็บภาพเต็มตัว จะต้องถอยออกไปค่อนข้างไกล

  3. ค่ารูรับแสง – สำหรับเทคนิคหลังละลาย ค่ารูรับแสงที่เหมาะสมในสภาพกลางแจ้ง ได้แก่ F/2.8-F/4.0 ส่วนค่ารูรับแสงที่ต่ำกว่า ได้แก่ F/1.2 , F/1.4 , F/1.8 หรือ F/2.0 จะได้ใช้ในกรณีการถ่ายภาพในสภาพที่มีแสงน้อย เช่น ภายในอาคาร หรือเวลาแสงโพล้เพล้ ซึ่งจะช่วยให้ภาพสว่างขึ้น ค่ารูรับแสงที่นิยมใช้กัน ได้แก่ F/1.4 , F/1.8 และ F/2.8 ซึ่งยิ่งตัวเลขน้อย ราคาก็จะยิ่งแพง เช่น Lens 50mm F1.8 ราคาอยู่ที่ 3 พันกว่าบาท แต่ราคา Lens 50mm F1.4 ราคาจะอยู่ที่หมื่นกว่าบาทเป็นต้น

  4. สภาพแสงที่ถ่าย – ข้อนี้เกี่ยวข้องกับข้อ 3 เนื่องจากเลนส์ที่ค่ารูรับแสงกว้างๆ จะใช้ประโยชน์ได้มากในกรณีการถ่ายภาพในสภาพแสงที่น้อย หากท่านมักจะถ่ายภาพกลางแจ้งเป็นหลักก็อาจจะเลือก F/1.8 ซึ่งก็จะสามารถเซฟเงินท่านได้มากโขทีเดียว

  5. งบประมาณ – สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย และมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในยุคนี้ ได้แก่ งบประมาณนั่นเองครับ ว่าท่านตั้งงบประมาณ ไว้แค่ไหน หลายท่านอาจมีความคิดว่า เก็บเงินซื้อของดีๆไปเลยทีเดียวดีกว่า เพราะราคาเลนส์ไม่ค่อยตก บางช่วงมีราคาขึ้นด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับราคากล้อง ซึ่งจะตกลง และมีรุ่นใหม่ออกมาทุกปี หรือบางท่านอาจจะคิดว่าเอาเงินที่จะซื้อเลนส์แพงๆ ไปซื้อเลนส์ตัวอื่น ซื้ออุปกรณ์อย่างอื่น เช่น ขาตั้งกล้องดีๆซักตัว กระเป๋ากล้องเท่ห์ๆ หรือแฟลชนอกซักตัว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลครับ

    portrait_lens3.jpg

    portrait_lens4.jpg

 

 

 

 



PortraitLens ที่นิยมใช้กันมีรุ่นไหนบ้าง

 

  1. Lens 85mm F/1.8  เป็นเลนส์ที่ถ่ายภาพหลังละลายได้ดีที่สุด จากประสบการณ์ของช่างภาพ ที่รับรู้กันโดยทั่วไป ด้วยราคาที่ยอมรับได้คืออยู่ที่ประมาณ หมื่นต้นๆ แต่ด้วยระยะเลนส์ซึ่ง Fix ที่ระยะ 85mm ซึ่งเมื่อเทียบกับกล้องเลนส์แล้วคืออยู่ที่ 126mm ซึ่งถือว่าค่อนข้างไกล ทำให้อาจจะรู้สึกติดขัดนิดหน่อยเวลาเก็บภาพเต็มตัว เนื่องจากต้องถอยมาไกล เป็นพิเศษ

  2. Lens 50mm F/1.8 เป็นเลนส์ที่ถือว่าประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับราคาแล้ว ถือว่าคุ้มค่าที่สุด ถึงแม้จะถ่ายภาพหลังเบลอสู้ Lens 85mm F/1.8 ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควร อีกทั้งช่วงเลนส์ที่ 50mm ทำให้สะดวกมากว่าเวลาจะเก็บภาพ และราคาอยู่ไม่เกิน 5000 บาท ทำให้เป็นเลนส์ Portraitที่ขายดีที่สุด

  3. Lens 50mm F/1.4 เป็นเลนส์ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาพที่มีแสงน้อย ซึ่งเมื่อเทียบกับ F/1.8 แล้ว ในสภาพที่แสงน้อย ประสิทธิภาพของเลนส์ตัวนี้ จะเห็นได้อย่างชัดเจน อีกทั้งเนื่องด้วย ราคาที่สูงขึ้น วัสดุ สเปคต่างๆ และการผลิต ก็จะดีขึ้นเป็นเงาตามตัวครับ ราคาของเลนส์ตัวนี้อยู่ที่ประมาณ หมื่นต้นๆ เช่นกัน

  4. Lens 85mm F/1.4, F/1.2 ซึ่งเลนส์ตัวนี้จะมีเฉพาะของ Nikon เท่านั้น Canon จะกระโดดไปที่ F/1.2 เลย ข้อดีของเลนส์ตัวนี้ที่เพิ่มจาก Lens 85mm F/1.8 ก็คล้ายๆกับ ที่ได้อธิบายไปแล้ว ราคาก็จะสูงขึ้นไปเป็นเงาตามตัวเช่นกันครับ Nikon AF 85mm F/1.4  ราคาอยู่ที่ 3หมื่นต้นๆ สำหรับ Canon Lens 85mm F/1.2 L นั้นจะมีรหัส L ซึ่งรับรู้กันว่าเป็นเลนส์รุ่น Top ของ Canon นั่นเอง ซึ่งราคารุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ 6 หมื่น ซึ่งระดับราคานี้คงสงวนไว้เฉพาะ ช่างภาพมืออาชีพจริงๆ ครับ

  5. นอกจากนี้เลนส์รุ่นอื่นๆ อีกครับ ที่ใช้ถ่าย Portrait ได้อย่างเช่น

    1. Lens 70-200mm f/2.8

    2. Lens 70-200mm f/4.0

    3. Lens 24-105mm f/4

    4. Lens 24-70mm f/2.8

    5. Lens 200mm f/2.0

    6. Lens 17-55mm f/2.8

    7. Lens 100mm f/2.8 macro IS

    8. Lens 135mm f/2.0

    9. Lens 60mm f/2.8

    10. Lens 50mm f/1.2

    11. Lens 300mm f/2.8

ซึ่งราคากับประสิทธิภาพก็แตกต่างกันไปบางรุ่นอาจจะมีระบบกันสั่นมีการเคลือบผิวเลนส์พิเศษ หรือมีการเพิ่มชิ้นเลนส์พิเศษเข้าไปหากสนใจสามารถสอบถามพนักงานขายจะได้ตอบข้อสงสัยที่ข้องใจได้ดีกว่าครับ

ที่มา : www.ec-mall.com

EC-MALL.COM ขอสงวนสิทธิการคัดลอก กรุณาระบุที่มาด้วย