1. เลือกจุดหมายปลายทางที่เอื้อต่อการถ่ายภาพ สถาน ที่บางที่นั้นจะช่วยให้ถ่ายภาพออกมาได้สวยกว่าสถานที่อื่นๆ ตอนนี้ Skyscanner และ Google Images จะกลายเป็นเพื่อนแท้การเดินทางของคุณ ลองมองหาจุดหมายปลายทางที่ไม่แพงนักและใช้ Google Images ดูภาพสถานที่นั้นเพื่อดูว่าที่ใดบ้างที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้ถ่ายภาพงามๆ ได้
2. หาเพื่อนคนท้องถิ่น (และเรียนรู้ภาษาพื้นเมืองสักหน่อย) ช่าง ภาพที่ดีมักจะได้ภาพที่สวยงามมากๆ แม้ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ตอนแรกดูเหมือนว่าจะไม่น่าพึงปรารถนาให้กดชัตเตอร์ เท่าไรนัก คุณจะสามารถถ่ายภาพที่ดีกว่าได้หากคุณพยายามทำความรู้จักสถานที่ท้องถิ่นและคน พื้นเมือง เพราะพวกเขามักจะช่วยหาทำเลเหมาะๆ ในการถ่ายภาพให้คุณ และพาคุณไปยังที่ต่าง ๆ ที่คุณอาจไม่เคยมีโอกาสได้เห็นด้วยตัวเอง และสถานที่หรือสิ่งต่างๆ นั้นมักจะนำมาซึ่งหัวข้อในการถ่ายภาพได้เอง ลองเรียนรู้ภาษาพื้นเมืองไว้บ้าง เช่น ประโยคที่ควรรู้อย่าง “ได้ไหมครับ” “ได้โปรด” “ขออนุญาตครับ” และ “ขอโทษครับ” ลองเรียนรู้คำพวกนี้ดู ภาษาจะช่วยเปิดทางให้คุณเอง
3. เวลาที่เหมาะเจาะระดับแสงจะแตกต่างกันไปตามเวลาที่ต่างกันในแต่ละวัน (และสภาพอากาศ) และจะมีผลต่อการจับภาพของคุณ ช่างภาพหลายคนชอบ ‘ช่วงเวลาทอง’ (คือช่วงเช้าตรู่หรือตอนใกล้พลบค่ำ) ดังนั้นให้เลือกเวลาที่คุณต้องการถ่ายภาพอย่างชาญฉลาด คุณอาจจะซื้อโปสการ์ดของสถานที่ท้องถิ่นที่คนชอบไปถ่ายภาพและลองสังเกตเงาใน ภาพว่าถ่ายออกมาในลักษณะใดเพื่อให้ภาพออกมาดีที่สุด
4. อย่าเร่งรัด ให้เวลากับตัวเองอีกสักหน่อย ให้เวลาตัวคุณเองเพิ่มเติมในการหาตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการถ่ายภาพ คุณอาจจะต้องเดินไปรอบๆ สถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ หรือปีนเนินเขาเพื่อให้ได้จุดที่ได้มุมมองที่ต้องการมากที่สุด ลองถ่ายภาพตอนก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่และไปอยู่ ณ จุดหมายปลายทางที่คุณต้องการเพื่อให้ได้ภาพแสงแรกแห่งวันหากคุณต้องการภาพ ที่ชัดเจนของสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมนั้นๆ
5. เตรียมอุปกรณ์สำรองไว้ ให้ตรวจสอบกระเป๋าและตรวจสอบใหม่อีกครั้ง เพราะคุณอาจจะไม่สามารถหาซื้อแบตเตอรี่/เลนส์/การ์ดความจำที่ใช้สำหรับกล้อง ของคุณในที่ที่คุณจะเดินทางไปได้ กระเป๋าน้ำหนักเบาอย่างดีจำเป็นที่จะช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณและช่วยขน อุปกรณ์เสริมของคุณด้วย
6. นำขาตั้งกล้องไปด้วย ขาตั้งกล้องมีความจำเป็นมาก โดยเฉพาะในการถ่ายรูปตอนกลางคืน และยังมีความสำคัญเมื่อต้องการตั้งเวลาหรือถ่ายภาพด้วยรีโมทคอนโทรล เพื่อที่คุณจะได้เข้าไปอยู่ในรูปได้ โดยขาตั้งกล้องแบบ Gorilla จะสามารถนำไปตั้งและยึดติดกับพื้นได้แทบทุกที่และนำใส่เข้ากระเป๋าได้อย่าง ง่ายดาย
7. แพ็คกระเป๋าแบบเบาๆ เลือกรองเท้าที่ใส่สบาย เพราะคุณจะต้องเดินเป็นระยะเวลานานเพื่อหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายรูปของคุณ อย่าอายที่จะต้องใส่หมวกถ้าต้องออกไปกลางแดดทั้งวัน
8. เก็บไฟล์ไว้ในคลาวด์ คุณ ไม่รู้หรอกว่าอุปกรณ์ของคุณอาจสูญหาย เสียหายหรือถูกขโมยไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นให้เลือกแพล็ตฟอร์มเก็บข้อมูลแบบคลาวด์และอัพโหลดรูปของคุณขึ้นไป เป็นกิจวัตร อย่างน้อยวิธีนี้จะช่วยให้คุณยังมีภาพถ่ายเก็บไว้กรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่ คาดคิด หรืออีกวิธีหนึ่งคุณอาจใช้ฮาร์ดดิสก์พกพาตัวสำรองเก็บไว้ต่างหากแยกจาก อุปกรณ์อื่นได้เช่นกัน
9. เริ่มสร้างบล็อกรูปภาพ ตั้งบล็อกภาพจากการท่องเที่ยวเพื่อแสดงผลงานของคุณ สร้างแฟ้มผลงานไปเรื่อยๆ โดยเน้นที่เรื่องราวของการเดินทาง อีกหน่อยภาพของคุณอาจไปปรากฏใน เนชันแนล จีโอกราฟฟิก (National Geographic) ก็เป็นได้!
10. เลือกกระเป๋าคู่ใจ กระเป๋า ใส่กล้องที่ดีสุดสามารถบรรจุกล้องของคุณ เลนส์สักสองถึงสามชุด แบตเตอรี่ โทรศัพท์ของคุณ การ์ดความจำ แล็ปท็อปและแท็บเล็ตของคุณ และยังมีเนื้อที่เหลือไว้ใส่อาหารและน้ำดื่ม หากเดินทางไปยังที่ที่มีความเสี่ยงที่ใดในโลก จะเป็นการดีถ้ากระเป๋าของคุณไม่บ่งบอกว่าคุณมีอุปกรณ์ราคาแพงสำหรับกล้อง SLR อยู่กับตัว เลือกให้ดีและขอให้สนุกกับการเดินทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก Skyscanner
เรียบเรียงโดย Travel MThai
ที่มา : travel.mthai.com