โหมดถ่ายภาพของกล้องนั้น ในแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่นนั้นมีหลากหลายมาก แต่ที่เป็นมาตรฐานทั่วไปของโหมดถ่ายภาพนั้นมี P, A, S, M ทั้งหมด 4 โหมดนั้นมีมาตั้งแต่ในยุคของฟิล์ม มาเรียนรู้และเข้าใจแต่ละโหมดว่ามีหน้าที่อย่างไรกันบ้างเลยดีกว่า
P : Program mode ซึ่งการทำงานโหมดนี้ กล้องจะคำนวนรูรับแสงและความไวชัตเตอร์ ให้โดยอัตโนมัติ แต่เราสามารถกำหนด ISO และการชดเชยแสงได้ โหมดนี้เหมาะสำหรับใหม่สุดๆ ถ่ายสนุก ถ่ายเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่สามารถรีดประสิทธิภาพของกล้องออกมาได้เต็มที่
(ปัจจุบัน กล้องดิจิตอลจะเพิ่มโหมด Auto เป็นการพัฒนามาจาก โหมด P ให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะกับในแต่ละสถานการณ์ ซึ่งในแต่ละกล้องนั้นจะมีความแตกต่างกันไป ตามลิขสิทธิ์ ตามการวิจัย ของแต่ละบริษัท)
A : Aperture Priority เป็นโหมดที่เรากำหนดรูรับแสงเอง โดยกล้องจะคำนวณความไวชัตเตอร์ให้โดยอัตโนมัติ เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคล หรือภาพอะไรก็ตาม ที่ต้องการกำหนดรูรับแสงไว้ค่าใดค่าหนึ่งเสมอ ข้อเสียหากปรับความรูรับแสง โดยไม่ได้สังเกตความไวชัตเตอร์ ภาพจะเกิดการเบลอ ตัวช่วยคือการปรับISOเพิ่มขึ้น ให้เหมาะสมกับความเร็วชัตเตอร์ โหมดนี้เหมาะสำหรับคนมีพื้นฐานบ้างแล้ว ในกล้อง Canon คือ Av , Nikon คือ A
S : Shutter Priority คือโหมดที่เรากำหนดความไวชัตเตอร์เอง โดยกล้องจำคำนวณรูรับแสงให้โดยอัตโนมัติ เหมาะกับการถ่ายแบบ แพนกล้อง ถ่ายภาพเคลื่อนไหวความเร็วสูง ภาพกีฬา หรือภาพใดๆที่เราต้องการหยุดการเคลื่อนไหวของแบบเอาไว้ ข้อเสียหากปรับความไวชัตเตอร์มากไป โดยไม่ได้สังเกตรูรับแสงกว้างพอสำหรับสภาพแสงขณะนั้นหรือไม่ ภาพจะมืดกว่าปกติ ตัวช่วยคือการปรับISOเพิ่มขึ้น เช่นกับโหมด A ในกล้อง Canon คือ Tv , Nikon คือ S
M : Manual คือโหมดที่เราควบคุมกล้องเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูรับแสง หรือความเร็วชัตเตอร์ เป็นโหมดที่ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์ภาพของเราได้อย่างเต็มที่ อาจจะช้าสำหรับการปรับตั้งค่าก่อนถ่าย โหมดนี้เหมาะสำหรับมืออาชีพและคนที่มีพื้นฐานบ้างแล้วจะทำให้รีดประสิทธิภาพกล้องที่ดีที่สุดออกมาได้
แต่โดยสรุปแล้ว ไม่จำเป็นตายตัวว่าจะต้องใช้โหมดไหนโหมดนั้นอย่างเดียว การถ่ายภาพไม่ว่าจะโหมดใดก็แล้วแต่ ก็ไม่สำคัญเท่ากับ มุมมอง และก็ความสร้างสรรค์ของคนถ่ายภาพ เราควรจะใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์มากกว่าคือสิ่งสำคัญ