พรีวิวไฟแลบ Blink 500 Pro เปิดตัวร้อนกับคุณภาพที่มากขึ้น

เปิดตัวมาสดๆกับไมค์ไวเลสตัวดังของ Saramonic  Blink 500 Pro ร่างพัฒนาต่อยอดความสำเร็จจาก Blink 500 ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในเมืองไทย ที่มีจุดแข็งในตลาดทั้งในเรื่องของคุณภาพและราคาที่จับต้องได้สบายกระเป๋า แต่รุ่น Pro นี้จะมีจุดต่างหลายจุดที่เข้ามาต่อยอดเพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้งานทั้ง content creators, youtuber ทำงานออกมามีคุณภาพที่มากยิ่งขึ้น

รายละเอียดของ Blink 500 Pro

-ใช้คลื่น 2.4GHz เช่นเดิม

-ระยะการใช้งาน 100 เมตร

-หน้าจอแสดงสถานะต่างๆและปรับค่าได้ง่ายขึ้น

-ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

-พัฒนาไมค์บิ้วอินให้มีคุณภาพมากขึ้น

-มาพร้อมกล่องเก็บที่มีแบตเตอรี่ในตัว สามารถชาร์จได้จากในตัวกล่อง

-มีช่องต่อหูฟังเพื่อมอนิเตอร์เสียง

-สามารถปรับเสียง Output ได้ทั้งแบบ monotone และ Stereo

มีชุดเล็กมาแทนที่ Blink 500

Blink 500 Pro รุ่น Lite Edition จะเป็นรุ่นเล็กที่เข้ามาแทนที่ Blink 500 ตัวเก่าเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ของที่คุณภาพมากขึ้นในราคาเท่าเดิม 7900 บาท แต่สิ่งที่ได้มาจะเป็นเรื่องของระยะเวลาการใช้งานที่เพิ่มขึ้นเป็น 8 ชั่วโมง มีหน้าจอ OLED ที่ตัว transmitters ระยะห่างระหว่างตัวส่งและตัวรับเพิ่มเป็น 100 เมตร เพิ่มระยะจากเดิม 50 เมตร

ระยะทำงานไกลขึ้นจากเดิม

ในตัว Blink 500 มีระยะทำงานอยู่ที่ 50 เมตร ซึ่งในเวลานั้นระยะไกลมาก แต่ทาง Saramonic พัฒนาไกลมากขึ้นเป็น 100 เมตร ช่วยให้การถ่ายทำง่ายมากขึ้นและสบายใจว่ารุ่นพัฒนานี้จะมีประสิทธิภาพที่จะช่วยให้การส่งสัญาณเสียงได้ไกลมากยิ่งขึ้น

คุณภาพการส่งสัญญาณคุณภาพมากยิ่งขึ้น

แม้จะใช้คลื่น  2.4GHz เช่นเดิม แต่พัฒนาในเรื่องคุณภาพในการเชื่อมต่อที่ดียิ่งขึ้น ช่วยให้การทำงานของทั้งมือใหม่และมือเก่ามั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่อจะมีคุณภาพที่ดีขึ้น ว่าในระหว่างการถ่ายทำจะไม่มีการหลุดมาและยังสามารถมอนิเตอร์เสียงได้จากตัว Blink Pro เพื่อความมั่นใจว่าเสียงที่ส่งมาจะไม่มีหลุด

ชาร์จไฟได้ทุกที่ผ่านเคสและระยะเวลาทำงานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง

เป็นปัญหาของผู้ใช้งานหลายคนที่มักจะลืมชาร์จไฟหรือทำงานจนแบตฯหมดกลางงานแล้วต้องมาลำบากหาแหล่งที่ชาร์จวุ่นวาย ในรุ่นใหม่อย่าง Blink 500 Pro มีเคสที่สามารถชาร์จไฟได้ในตัวอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานได้มากขึ้นโดยไม่ต้องพะวงเรื่องของการหาปลั๊กไฟสำหรับชาร์จให้วุ่นวาย ขณะเดียวกันยังทำงานได้นานถึง 8 ชั่วโมงมากกว่า Blink 500 ที่ทำงานได้ต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง

มีจอ OLED มาให้

รุ่นใหม่มีจอแสดงสถานการณ์ทำงานของไมค์มาให้ แต่ในส่วนของรุ่น Lite จะมีOLED เฉพาะในตัว Transmitter เท่านั้น ซึ่งในรุ่น PRO จะมีให้ทั้งสองฝั่งเพื่อให้ผู้ใช้งานทราบสถานะแบตฯหรือโหมดการทำงานต่างๆ ได้ เพื่อปรับตั้งค่าต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น

คงคอนเซปต์สีดำไม่สะดุดตา

คนใช้ไมค์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากได้สีที่ฉูดแดจนสะดุดตามากเกินไป ซึ่งทาง Saramonic ใช้สีดำและสีเทามาเป็นสีหลักเพื่อให้ตัวไมค์ไม่สะดุดตามากนักเวลาออกหน้ากล้อง ส่วนขนาดเองก็ไม่ได้ใหญ่เทอะทะมากนักแถมยังสามารถต่อสาย Lavalier ได้อีกด้วย

ราคาไม่ได้เพิ่มแรงมาก

ราคาของชุด Lite Edition ที่เข้ามาแทน Blink 500 นั้นยังคงราคาเดิมที่ 7900 บาท เชื่อว่าใครที่อยากจะเปลี่ยนไมค์หลังจากใช้รุ่นเก่ามานานพอสมควรแล้วยังพอตัดสินใจง่าย ส่วนใครที่อยากจัดรุ่น  Pro จะบวกราคาเพิ่มเติมเป็น 9990 บาท หรือเพิ่มอีกประมาณ 2000 บาทก็ได้รุ่นใหญ่ไปใช้งานแล้ว ถือว่าสำหรับการใช้งานและคุณภาพเสียงที่ดีถือว่าอยู่ในเกณฑ์คุ้มค่าอยู่