เปิดตัวไปเรียบร้อยกับกล้อง GoPro Hero 8 กล้องแอ็คชั่นรุ่นใหม่ที่เข้ามาตีตลาดต่อยอดความสำเร็จจาก Hero 7 Black ที่สร้างความสำเร็จทั้งยอดขายและฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนาให้มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อใช้งานมากยิ่งขึ้น บทความนี้พาผู้อ่านทุกคนมาล้วงลึกรายละเอียดที่ทางผู้เขียนได้ไปทดสอบ สัมผัสมาตลอด 1 วันทั้งแต่ภายนอกจนถึงฟีเจอร์ภายในว่ามีส่วนไหนที่น่าสนใจบ้าง
1.ดีไซน์มีพัฒนาการไปทางบวก
ใครที่เห็นรูปอาจจะคิดว่าไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่หลังจากที่ได้ลองสัมผัสแล้วทางโกโปรมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของการออกแบบและวัสดุที่ใช้ค่อนข้างเยอะมากพอสมควร โดยตัวบอดี้หันมาใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งอลูมิเนียมที่ฝาปิดและพลาสติคประเภททนทานสูงที่เป็นรอยยาก(ลองนำเล็บคูณยังไม่เห็นรอย) ส่วนด้านหน้าและด้านหลังเป็นลักษณะคล้ายยางนิดๆแต่ให้ความทนทานและนุ่มมือนิดหน่อย ในส่วนฝาปิดที่หายมาใช้ฝาปิดคาดว่าอาจจะนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการระบายความร้อนจากแบตเตอรี่ออกได้ไว้มากขึ้น จากการลองใช้ทั้งวันแม้กล้องจะร้อนไวมากขึ้นแต่ก็เย็นตัวค่อนข้างไหวกว่ารุ่นก่อนพอสมควร
การออกแบบมีการย้ายช่องใส่แบตเตอรี่ เมมโมรี่การ์ดและพอร์ท USB type C มาไว้ด้านข้างแล้วทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบการเปิดใหม่ให้ใช้ง่ายและมีคุณภาพมากขึ้นทั้งในเรื่องของความแน่นหนาและความสะดวกในการเปลี่ยนแบตเตอรี่จากเดิมที่อยู่ด้านล่างซึ่งค่อนข้างลำบากผู้ใช้งานที่ต้องแกะออกจากเคสแล้วถึงแกได้ ขณะเดียวกันช่องพอร์ทที่รุ่นใหม่เหลือไว้เพียง USB-Type C เท่านั้น ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนมองว่าเป็นการลดภาระการเชื่อมต่อตรงกับเครื่องลงไปและลดปัญหาการทำงานของเครื่องที่หนักขึ้นโดยไม่จำเป็น โดยพอร์ทที่เหลือทางโกโปรจะไปใส่ให้กับ Media MOD ที่จะวางขายในเร็วๆนี้
การวางไมค์และการมาของ Mounting Built in ที่ตอบโจทย์คนทำงานมากขึ้น ไมค์มีการนำมาวางไว้ด้านหน้าเพื่อรีบเสียงจากผู้ใช้งานได้ดีมากขึ้นซึ่งเป็นการเพิ่มความดังเสียงพูดจากด้านหน้าได้มากขึ้น (บางครั้งพูดไม่ต้องดังมากเสียงก็เข้ามา) ส่วน Mounting built in เป็นตัวไว้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ของ GoPro ได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเคสจากการใช้งานจริงเรียกว่ามีประโยชน์มากขึ้นเยอะและลดความรุงรังให้คนใช้มาก สร้างความคล่องตัวให้ผู้ใช้งาน
2.การออกแบบระบบกล้องใช้งานง่ายขึ้น
เป็นอีกข้อดีของกล้อง GoPro ที่สร้างระบบการสั่งงานภายในให้เป็นระบบที่เป็นมิตรกับผู้ใช้มือใหม่ที่สุดค่ายหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่ง GoPro Hero 8 Black เองก็ต่อยอดออกมาให้ใช้งานง่าย ทั้งในเรื่องของการจัดวางที่เป็นระเบียบ ใช้งานง่ายและในเรื่องไอคอนเองมีออกแบบให้เข้าใจมากขึ้นด้วย และการสร้าง Preset เบื้องต้นที่ทำให้ผู้ใช้งานมือใหม่ทำงานและไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับการตั้งค่าที่มากเกินความจำเป็น ขณะเดียวสายมืออาชีพก็สามารถต่อยอดจากการปรับค่าพื้นฐานได้ง่ายเพราะการจัดกลุ่มค่าต่างๆ มีระเบียบเป็นหมวดหมู่และใช้งานง่าย
3.HyPersmooth 2.0 พัฒนาขึ้นจากเดิมไหม
เป็นฟีเจอร์ที่มีหลายอยากรู้ว่า GoPro Hero 8 Black จะพัฒนาอะไรให้ดีขึ้นหลังจากที่รุ่นก่อนหน้าจัดมาเต็มพิกัดและกันสั่นได้ดีอยู่แล้ว เมื่อทาง GoPro ประกาศ HyPersmooth 2.0 จึงเกิดคำถามนี้ขึ้นมาว่าเขาจะมีอะไรใหม่มาเชิญชวนเราให้ตกหลุมรัก หลังจากได้ทดลองจริงแล้วต้องยอมรับว่าเขาพัฒนาหน้าขึ้นไปอีกระดับเพื่อยังคงความเบอร์ต้นไว้ได้ดี สิ่งที่มาช่วยนั้นคือ ฟีเจอร์ Booth เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ภาพมีความนิ่งกว่ารุ่นก่อนมาก ยิ่งถ้าเราวิ่งไปด้วยถ่ายทำไปด้วย จะเห็นความชัดระหว่างเปิด-ปิดฟีเจอร์ Booth
ส่วนตัวผู้เขียนเองจากเคยได้ลองรุ่น 7 แล้วมาจับรุ่น 8 รู้สึกได้ทันทีว่า GoPro Hero 8 มีระบบกันสั่นที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนทั้งยังสามารถกดเปิดปิดฟีเจอร์นี้ได้ง่ายแค่กดไปที่ไอคอน Booth ก็เรียบร้อย
เปิดตัวไปเรียบร้อยกับกล้อง GoPro Hero 8 กล้องแอ็คชั่นรุ่นใหม่ที่เข้ามาตีตลาดต่อยอดความสำเร็จจาก Hero 7 Black ที่สร้างความสำเร็จทั้งยอดขายและฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนาให้มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อใช้งานมากยิ่งขึ้น บทความนี้พาผู้อ่านทุกคนมาล้วงลึกรายละเอียดที่ทางผู้เขียนได้ไปทดสอบ สัมผัสมาตลอด 1 วันทั้งแต่ภายนอกจนถึงฟีเจอร์ภายในว่ามีส่วนไหนที่น่าสนใจบ้าง
4.Time Warp 2.0 ใช้ง่ายจริงไหม
ง่ายขึ้น สั้นๆง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าง่ายจนทุกอย่าง AuTo ที่กล่าวเช่นนี้เพราะว่า Time warp Auto เป็นเพียงตัวช่วยให้เราผลิตวีดีโอ Hyper lapse ผสมกับ slow motion ได้ง่ายๆ ภายในคลิปเดียว โดยไม่ต้องถ่ายสองสามคลิปแล้วนำมาประกอบกับการเปิดใช้งานที่ง่ายเพียงเปิด Preset ที่ทาง GoPro ตั้งค่าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับการใช้งานนั้นหลังจากกดบันทึกแล้วหน้าจะมีแทบล่างรูปคล้ายนาฟิกาที่เรียกว่า Real time ช่วงไหนที่เราต้องการให้วีดีโอเข้าสู่โหมด Slow เท่านั้นเอง ในส่วนของหลักการใช้งานง่ายๆ พยายามเชื่อมโยงวัตถุ สองชิ้นหรือมากกว่านั้น โดยในระหว่างการเดินจะใช้เป็น Timewarp และจะกด Slow เมือถึงวัตถุที่เราต้องการให้เรากด Slow แล้วค่อนแพนรอบวัตถุที่เรานำเสนอ ก่อนจะเข้าสู่โหมด Timewarp เพื่อไปอีกจุดหนึ่ง หลักการง่ายๆนี้จะช่วยให้วีดีโอมีความน่าสนใจและดึงศักยภาพของฟุตเทจนี้มาได้เต็มที่
5.SuPer Photo ดีขึ้นจากเดิมมากแค่ไหน
อีกฟีเจอร์ที่ทางโกโปรกล่าวว่ามีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนที่มีปัญหาเรื่องภาพหลอนในภาพที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของวัตถุ ซึ่ง GoPro Hero 7 Black นั้นเรียกว่าเป็นแผลใหญ่มากอยู่พอสมควร ทำให้รุ่นใหม่มีการปรับปรุงในเรื่องนี้มากขึ้น โดยรุ่นใหม่จะมีแบ่งโหมดภาพนิ่งออกเป็น Standard, HDR และ Super Photo ว่ากันตามความรู้สึกเป็นการไล่ระดับความเข้มของภาพก็น่าจะพอเรียกได้ โดยภาพ SuPer Photo จะให้สีที่เข้มข้นที่สุด แต่ความคมนั้นดีงามทั้งสามระดับ ซึ่งใครที่ชอบภาพที่ให้ความเป็นจริงหน่อยอาจจะปวดหัวนิดๆ โดยเฉพาะสีท้องฟ้าที่ปกติก็ค่อนข้างฟ้าพอมารวมกับฟีเจอร์นี้ทำเอาหลายภาพเป็นน้ำทะเลไปเลยก็มี ซึ่งในมุมหนึ่งก็มองว่าถ้าเราเลือกโหมดภาพให้ดีจะช่วยให้ภาพเราดูดี แต่หากใครไม่ได้อ่อนไหวกับเรื่องนี้มากนัก SuPer Photo เป็นฟีเจอร์ที่ให้ภาพที่คม ชัดและดูสวยงามมากทีเดียว
6.Live burst มีประโยชน์ไหม
มีประโยชน์ แต่จำนวนภาพที่ได้มานั้นมากถึง 90 ภาพ ส่วนตัวผู้เขียนเองมองว่าเยอะจนเลือกกันตาลายไปข้างหนึ่ง เพราะ90 ภาพแล้วมานั่งเลือกกว่าจะได้ดีๆ ต้องใช้เวลานาน แต่อีกข้อดีหนึ่งคือทั้ง 90 ภาพนั้นมาในรูปแบบวีดีโอ ช่วยให้ผู้ถ่ายภาพอาจจะเปลี่ยนเป็นวีดีโอก็ทำได้ในความยาวของวีดีโอนั้นจะยาวประมาณ 3 วินาที คิดแบบขำๆ คล้ายๆทำในแอพลิเคชั่น มูมเมอแรง ก็ได้เป็นสีสันการถ่ายภาพที่ดีเช่นกัน
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นประสบการณ์ที่ได้จากการทดลองใช้ในงานเปิดตัว GoPro Hero 8 Black สำหรับใครที่สนใจสั่งซื้อ Action Camera ที่ดีสุดแห่งปีสามารถสั่งจองกับทาง EC-Mall ได้แล้ว