จุดเด่นผลิตภัณฑ์
- อัพเดตเซ็นเซอร์ CMOS และโปรเซสเซอร์ DIGIC X
- 16 fps ถ่ายภาพด้วยช่องมองภาพ
- การถ่ายภาพ 20 fps Live View
- 4K 10-Bit 4: 2: 2 การบันทึกวิดีโอ
- Canon Log และ Raw Video Support
- Dual Pixel CMOS AF, 525 พื้นที่ที่เลือกได้
- Wi-Fi บลูทูธ และ GPS
- รองรับ HEIF Stills 10 บิต
- ช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำ CF express คู่
- บอดี้ แมกนีเซียมอัลลอยด์ , ปุ่มเรืองแสง
ตัวอย่างภาพถ่าย Photo Gallery
แนะนำกล้อง EOS-1D X Mark III (1): ประสิทธิภาพแห่งการถ่ายภาพนิ่ง
เร็วกว่า สูงกว่า และดีกว่า: นำหน้าคู่แข่งด้วยสุดยอดกล้อง EOS DSLR
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาถึงอีกครั้งในปี 2020 จะมีอะไรดีไปกว่าการเริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วยการเปิดตัวกล้อง EOS-1D X Mark III EOS-1D X Mark III เป็นกล้องระดับมืออาชีพรุ่นเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Canon ในกลุ่ม EOS-1D ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่างภาพกีฬา ช่างภาพงานข่าว และช่างภาพสัตว์ป่าระดับมืออาชีพมากมายทั่วโลกต่างเลือกใช้ กล้องรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาคุณสมบัติให้ดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับ EOS-1D X Mark II กล้องรุ่นก่อนหน้าที่ได้รับรางวัลมาแล้ว ด้วยโครงสร้างและประสิทธิภาพที่คุณมั่นใจได้ นี่จึงเป็นกล้อง DSLR ที่ดีที่สุดของ Canon ในปัจจุบัน
เร็วกว่า: ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องที่สูงจนน่าทึ่ง
สูงสุด 16 fps (OVF), 20 fps (Live View)
คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของกล้อง EOS-1D X Mark III คือ ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องซึ่งสูงถึง 16 fps เมื่อถ่ายด้วยช่องมองภาพแบบออพติคอล (OVF) นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกล้อง DSLR เนื่องจากมีการเคลื่อนที่ของกลไกมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างการลั่นชัตเตอร์ เช่น การเคลื่อนกระจกขึ้น/ลง แต่กล้อง EOS-1D X Mark III สามารถทำได้เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้มากมาย เช่น
– กลไกการขับเคลื่อนกระจกแบบใหม่
– ความเร็วสูงขึ้นในการอ่านข้อมูลของเซนเซอร์
– ระบบประมวลผลภาพ DIGIC X ใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Dual DIGIC 6+ ถึง 3 เท่า และ
– การนำการ์ด CFexpress มาใช้เป็นสื่อหน่วยความจำ ซึ่งให้ความเร็วในการเขียนที่สูงขึ้นเพื่่อรองรับความจุที่เพิ่มมากขึ้นของหน่วยความจำบัฟเฟอร์ของกล้อง
ความเร็วของจำนวนเฟรมต่อวินาทีไม่ใช่ข้อได้เปรียบเพียงเพียงข้อเดียวที่ EOS-1D X Mark III มีเหนือกล้องรุ่นก่อนหน้า แต่ยังสามารถติดตาม AF/AE ได้ทั่วทุกเฟรมระหว่างการถ่ายต่อเนื่องทั้งใน OVF และ Live View ในขณะที่กล้องรุ่นก่อนจะใช้ได้เฉพาะกับ OVF เท่านั้น ในตอนนี้ผู้ใช้จึงมั่นใจได้ว่าตัวแบบจะอยู่ในโฟกัสและทุกเฟรมจะมีความสว่างที่เท่ากันไม่ว่าจะเลือกถ่ายภาพอย่างไร นี่จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของกล้องให้ถ่ายภาพได้ในฉากที่หลากหลายขึ้น
EOS-1D X Mark III/ EF11-24mm f/4L USM/ FL: 11 มม./ Manual exposure (f/9, 1/200 วินาที)/ ISO 500/ WB: 6600K/ ยิงแฟลช
นอกจากนี้ EOS-1D X Mark III ยังใช้อัลกอริทึมแบบใหม่ในระบบติดตาม AF บนตัวแบบ (AI Servo AF IV สำหรับการถ่ายด้วย OVF และ Servo AF สำหรับการถ่ายแบบ Live View) ซึ่งให้ความสามารถในการติดตามที่แม่นยำและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวแบบที่กำลังเคลื่อนที่ห่างออกไปจากกล้อง และ AI Servo AF IV ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามแม้ต้องถ่ายภาพท่ามกลางหมอกร้อนด้วย
ลำดับภาพในการถ่ายภาพต่อเนื่องของนักกอล์ฟผู้ซึ่งกำลังตีลูกในหลุมทรายในสนามกอล์ฟ ถ่ายด้วย Live View จากทั้งหมด 20 ภาพซึ่งถ่ายในเวลา 1 วินาที มี 3 ภาพที่มีลูกกอล์ฟอยู่ในเฟรม นี่จึงหมายความว่าช่างภาพสามารถเลือกภาพที่ดีที่สุดได้จากสามภาพ และฟังก์ชัน AF ตรวจจับใบหน้าระหว่างใช้ Servo AF ยังช่วยให้คุณมั่นใจว่าดวงตาของนักกอล์ฟจะอยู่ในโฟกัสด้วย
EOS-1D X Mark III/ EF500mm f/4L IS II USM/ FL: 500 มม./ Manual exposure (f/4, 1/1250 วินาที)/ ISO 500/ WB: แสงแดด
ถ่ายด้วย Live View
สำหรับการถ่ายแบบ Live View ผู้ใช้สามารถเลือกระหว่างชัตเตอร์กล ม่านชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์แรก หรือชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยชัตเตอร์ทุกแบบสามารถถ่ายต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 fps การใช้ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์จะช่วยขจัดเสียงที่เกิดจากชัตเตอร์กล จึงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงแบบเงียบในสถานการณ์้่ต่างๆ เช่น การแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต และการแสดงบนเวทีที่แม้แต่เสียงเพียงนิดเดียวก็อาจเป็นจุดสนใจได้
เคล็ดลับน่ารู้: ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องลดลงมากเกินไปด้วยเมื่อมีการใช้งานฟังก์ชัน Anti-flicker
ปัจจัยของความเร็วข้อที่ 1: ระบบขับเคลื่อนกระจกแบบใหม่
EOS-1D X Mark II ใช้กลไกการขับเคลื่อนกระจกที่ไม่เหมือนใครซึ่งมีมอเตอร์และเฟืองลูกเบี้ยวสำหรับควบคุมความเร็วในการขับเคลื่อนกระจกด้วยความแม่นยำและป้องกันการกระตุกของกระจกโดยเฉพาะ กล้อง EOS-1D X Mark III ได้พัฒนาคุณสมบัตินี้ให้ดียิ่งขึ้นด้วยการนำระบบควบคุมมอเตอร์แบบเดียวกันนี้มาใช้กับกระจกรอง การควบคุมที่ดีขึ้นนี้ทำให้เวลาที่หน้าจอของช่องมองภาพเป็นสีดำสั้นลง ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้มองเห็นภาพในช่องมองภาพระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยให้ AF มีความแม่นยำและมั่นคงด้วย
A: ก้านล็อคเชื่อมต่อกระจกรอง
B: กระจกรอง
C: กระจกหลัก
D: ระบบขับเคลื่อนมอเตอร์โดยตรงแบบใหม่
ปัจจัยของความเร็วข้อที่ 2: การ์ด CFexpress
EOS-1D X Mark III มีช่องใส่การ์ดแบบคู่ที่รองรับ CFexpress Type B การ์ด CFexpress เป็นการ์ดรุ่นถัดมาจาก CFast 2.0 และ XQD 2.0 และการ์ด Type B มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุดถึง 2 GB ต่อวินาที ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ คุณจึงมั่นใจได้ว่าในการถ่ายต่อเนื่องหนึ่งครั้ง จะได้จำนวนภาพสูงสุดดังต่อไปนี้
– RAW: มากกว่า 1,000 ภาพโดยประมาณ (EOS-1D X Mark II: ประมาณ 170 ภาพ)
– RAW + JPEG: มากกว่า 1,000 ภาพโดยประมาณ (EOS-1D X Mark II: ประมาณ 81 ภาพ)
ความจุบัฟเฟอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากหมายถึงโอกาสถ่ายภาพพลาดที่ลดลงไปอีก ซึ่งเดิมก็ไม่ได้มีมากอยู่แล้ว!
ดีกว่า: เพราะระบบ AF ที่ยอดเยี่ยมสองระบบย่อมดีกว่าหนึ่ง
จุด AF สูงสุด 191 จุด (OVF); AF 3,869 ตำแหน่ง (Dual Pixel CMOS AF ใน Live View)
การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงจำเป็นต้องมี AF ที่รวดเร็วและแม่นยำทัดไม่แพ้กัน และด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ระบบ AF ในกล้อง EOS-1D X Mark III จึงยิ่งกว่าพร้อมสำหรับความท้าทายนี้
AF ช่องมองภาพ: เซนเซอร์ AF ความละเอียดสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อความไวและความแม่นยำที่เพิ่มมากขึ้น
เซนเซอร์ AF ความละเอียดสูงที่ได้รับการพัฒนาใหม่นี้สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตเซนเซอร์ภาพแบบใหม่ ซึ่งมีพิกเซลสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีขนาดเล็กกว่าและหนาแน่นกว่าเมื่อเทียบกับเซนเซอร์แบบเส้นแบบเดิม จึงสามารถรับสัญญาณ AF ความละเอียดสูงได้ คุณสมบัตินี้ทำให้สามารถโฟกัสที่ตัวแบบได้อย่างแม่นยำด้วยความเปรียบต่างต่ำและรายละเอียดที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังเพิ่มความสามารถในการตรวจจับตามเส้นในแนวทแยงด้วย
ด้วยจำนวนจุด AF ใน OVF (191 จุด) ที่สูงกว่า 61 จุดในกล้องรุ่นก่อนมาก เซนเซอร์วัดแสง RGB+IR 400,000 จุดและระบบประมวลผลภาพ DIGIC 8 สำหรับการประมวลผล AF และ AE โดยเฉพาะ ทำให้กล้อง EOS-1D X Mark III มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการตรวจจับตัวแบบระหว่างการถ่ายด้วย OVF ทั้งยังสามารถตรวจจับใบหน้าและศีรษะได้ด้วย ซึ่งข้อหลังนั้นเป็นคุณสมบัติที่เพิ่งมีเป็นครั้งแรกในกล้อง Canon
EOS-1D X Mark III: ข้อมูลจำเพาะของ AF ใน OVF
– จุด AF สูงถึง 191 จุด (แบบ Cross-type: สูงสุด 155 จุด)
– ใช้งานได้กับ f/8: จุด AF สูงสุด 191 จุด (แบบ Cross-type: สูงสุด 65 จุด)
– AI Servo AF IV
– ช่วงความสว่าง: EV-4 ถึง 21
AF ใน Live View: Dual Pixel CMOS AF พร้อม AF สูงสุด 3,869 ตำแหน่ง, Eye Detection AF
ในระบบ Dual Pixel CMOS AF ของ Canon แต่ละพิกเซลในเซนเซอร์ภาพจะมีโฟโตไดโอดสองตัว และทุกพิกเซลสามารถตรวจจับระยะตามระนาบภาพได้นอกเหนือจากการตรวจจับภาพ
ระหว่างการถ่ายด้วย Live View ของกล้อง EOS-1D X Mark III พื้นที่ AF จะครอบคลุมประมาณ 90%×100% (แนวนอน × แนวตั้ง) ของพื้นที่เซนเซอร์ภาพ คุณจึงมั่นใจได้ว่ากล้องจะสามารถโฟกัสและติดตามตัวแบบได้ด้วยความแม่นยำสูงสุด แม้แต่กับตัวแบบที่เคลื่อนไหวอย่างคาดเดาไม่ได้ซึ่งเคลื่อนที่ไปยังขอบของเฟรมภาพ นับเป็นคุณสมบัติที่ช่วยส่งเสริมความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องใน Live View ด้วยความเร็วสูงสุด 20 fps ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Eye Detection AF ด้วย ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบที่โดดเด่นสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต
EOS-1D X Mark III: ข้อมูลจำเพาะของ AF ใน Live View
– การเลือกพื้นที่ AF อัตโนมัติ: สูงสุด 525 ส่วน
– เลือกพื้นที่ AF ด้วยตนเอง: เลือกได้สูงสุดถึง 3,869 ตำแหน่ง
– ใช้ได้กับการโฟกัสที่ f/11
– การตรวจจับใบหน้าและศีรษะ และ Eye Detection AF
– Servo AF
– ช่วงความสว่าง: EV-6 ถึง 18
โฟกัสได้ง่ายดายแม้ในสภาวะแสงน้อย
ระบบ AF อันทรงพลังทั้งสองระบบในกล้อง EOS-1D X Mark III นั้นไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมั่นใจว่าทุกเฟรมในการถ่ายภาพต่อเนื่องจะอยู่ในโฟกัสอย่างคมชัดเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยทำให้โฟกัสได้ง่ายขึ้นในสภาวะแสงน้อยอีกด้วย ระหว่างการถ่ายด้วย OVF ขีดจำกัดในการโฟกัสในสภาวะแสงน้อยคือ EV-4 และในการถ่ายด้วย Live View ค่านี้จะลดลงไปอยู่ที่ EV-6
เรามักจะให้ความสำคัญกับขีดจำกัดของระดับแสงต่ำสุด แต่คุณควรทราบด้วยว่า AF ในช่องมองภาพสามารถโฟกัสได้ในสถานการณ์ที่มีความสว่างสูงถึง EV+21 ซึ่งเทียบเท่ากับความสว่างของไฟหน้ารถหรือรถไฟจากด้านหน้า
โฟกัสได้แม้ใช้เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้กับท่อต่อเลนส์
รูรับแสงกว้างสุดจะแคบลงเมื่อคุณใช้เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้กับท่อต่อเลนส์ ซึ่งเดิมทำให้การโฟกัสอัตโนมัติเป็นเรื่องยากมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อถ่ายภาพโดยใช้ OVF ของกล้อง EOS-1D X Mark III จุด AF ทั้งหมด 191 จุดรวมทั้งจุดโฟกัสแบบ Cross-type สูงสุดถึง 65 จุดจะสามารถโฟกัสได้แม้ที่รูรับแสงกว้างสุด f/8 และหากเป็นการถ่ายด้วย Live View พื้นที่ AF ทั้งหมดจะสามารถโฟกัสได้ที่รูรับแสงกว้างสุด f/11
ในการใช้งานจริงจึงหมายความว่าคุณสามารถใช้ท่อต่อเลนส์ EF 2xIII กับเลนส์ EF800mm f/5.6L IS USM ได้ในการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ทางยาวโฟกัส 1600 มม. และยังสามารถสนุกไปกับการถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 fps ได้ด้วยฟังก์ชันการติดตาม AF และ AE สบายใจได้เลยว่าคุณจะพร้อมสำหรับการถ่ายภาพในสถานการณ์ที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
การควบคุม AF ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
ปุ่ม AF-ON ในกล้อง EOS-1D X Mark III ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย Smart Controller ซึ่งเป็นเซนเซอร์ออพติคอลที่ทำหน้าที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวของนิ้ว คุณจึงสามารถลากเพื่อเลือกจุด AF ได้ แต่นี่ไม่ใช่การแทนที่ปุ่ม Multi-Controller แบบเดิมซึ่งยังคงมีอยู่ ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับปุ่มควบคุมในกล้อง EOS-1D X Mark II จึงวางใจได้
แต่หากคุณคุ้นเคยแล้ว Smart Controller จะช่วยให้คุณเลือกจุด AF ได้รวดเร็วกว่าและตอบสนองได้ไวกว่า ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการจับภาพในช่วงวินาทีที่สำคัญ ข้อดีพิเศษ: นอกจากนี้ยังอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายเมื่อถ่ายภาพในแนวตั้งด้วย
สูงกว่า: คุณภาพของภาพ กำลังการประมวลผล
ก้าวสู่อีกระดับของการถ่ายภาพ
ความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซลของกล้อง EOS-1D X Mark III อาจดูไม่แตกต่างจากกล้องรุ่นก่อนเท่าใดนัก แต่เบื้องหลังตัวเลขนี้คือการปรับปรุงคุณภาพของภาพครั้งใหญ่ซึ่งเกิดจากการนำเอาเทคโนโลยีและคุณสมบัติใหม่ๆ มากมายมาใช้ ความละเอียดนี้เลือกสรรมาเพื่อให้สมดุลกับการปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆ ดังที่เราได้อธิบายไปแล้ว
ข้อควรรู้: ความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซลนั้นเพียงพอสำหรับการพิมพ์ภาพขนาด A3
ฟิลเตอร์ Low-Pass ความละเอียดสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ฟิลเตอร์ Low-Pass ที่มีการแยก 16 จุด
ตัวแบบที่มีรายละเอียดขนาดเล็กและลวดลายซ้ำๆ จะมีความถี่ของแสงสูงมากซึ่งทำให้เซนเซอร์ภาพถ่ายทอดความละเอียดออกมาอย่างผิดเพี้ยน จนเกิดเป็นเอฟเฟ็กต์มอเร่และสีที่เพี้ยนไป เพื่่อแก้ปัญหานี้ กล้องส่วนใหญ่จะใช้ฟิลเตอร์ Low-Pass ซึ่งจะทำการแยกแสงที่ผ่านเข้ามาออกเป็นสี่จุดโดยเบลอแสงความถี่สูงเล็กน้อย ทำให้ได้สีที่สมจริงมากขึ้น
แม้กล้องรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันจะไม่มีฟิลเตอร์ Low-Pass อีกต่อไปเพื่อให้ภาพมีความคมชัดขึ้น เอฟเฟ็กต์มอเร่และสีที่เพี้ยนก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถกำจัดออกไปจากวิดีโอได้อย่างง่ายดายดังที่สามารถทำได้กับภาพนิ่ง เนื่องจากกล้อง EOS-1D X Mark III ถูกสร้างมาเพื่อใช้ในการถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพด้วย จึงมีฟิลเตอร์ Low-Pass ความละเอียดสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งสามารถทำการแยกภาพออกเป็น 16 จุดได้ (แทนการแยกเป็น 4 จุดแบบเดิม) คุณสมบัตินี้ทำให้ลำแสงของภาพถูกแยกออกไปในแนวทแยงนอกเหนือจากแนวนอนและแนวตั้ง ซึ่งจะช่วยลดการเกิดเอฟเฟ็กต์มอเร่และสีเพี้ยนได้อย่างได้ผล รวมทั้งช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพโดยรวมอีกด้วย
ระบบประมวลผลภาพ DIGIC X ใหม่
ระบบประมวลผลภาพ DIGIC X ใหม่มีอัลกอริทึมประมวลผลเพื่อลดจุดรบกวนแบบใหม่ซึ่งช่วยให้ภาพที่ถ่ายด้วยความไวแสง ISO สูงมีคุณภาพสูง ทำให้สามารถใช้ความไวแสง ISO ตามปกติที่ 100 ถึง 102,400 ซึ่งขยายได้ถึง ISO 819,200 (H3) อัลกอริทึมประมวลผลเพื่อความคมชัดแบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความคมชัดและความชัดเจนได้มากยิ่งขึ้น และ DIGIC X ยังทำให้สามารถใช้ Digital Lens Optimizer (DLO) ในกล้อง* เพื่อแก้ไขความคลาดของเลนส์ในขณะที่คุณถ่ายภาพได้ด้วย แม้จะบันทึกภาพในรูปแบบ JPEG
*รองรับเลนส์ EF เท่านั้น ไม่รองรับเลนส์ TS-E
EOS-1D X Mark III/ EF85mm f/1.4L IS USM/ FL: 85 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/80 วินาที)/ ISO 100/ WB: 5500K
บันทึกไฟล์ HDR PQ HEIF แบบ 10 บิต
กล้อง EOS-1D X Mark III มาพร้อมกับความสามารถในการบันทึกไฟล์ในรูปแบบ HEIF (รูปแบบไฟล์ภาพประสิทธิภาพสูง) 10 บิตตามการแก้ไขแกมมา HDR PQ (Perceptual Quantization) ซึ่งถูกสร้างขึ้นตามลักษณะการมองเห็นด้วยสายตามนุษย์
ไฟล์ RAW ที่บันทึกด้วยกล้อง EOS มีข้อมูลเกี่ยวกับสีและโทนสีเป็นปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการปรับแต่งเพื่อให้สามารถแสดงศักยภาพได้สูงสุด แต่ไฟล์ JPEG แบบเดิมนั้นจะบันทึกเพียง 8 บิตของข้อมูลทั้งหมด จึงทำให้ได้รายละเอียดของโทนสีในช่วงที่แคบกว่า
เมื่อเปรียบเทียบกัน ไฟล์ HEIF สามารถเก็บข้อมูลโทนสีและสีได้สูงสุดถึง 10 บิตในขนาดไฟล์ที่เล็กกว่า JPEG จึงทำให้สามารถแสดงผลภาพด้วยโทนและสีสันในช่วงที่กว้างและสดใสกว่าได้ โดยถ่ายทอดออกมาในลักษณะที่สมจริงกว่าเช่นเดียวกับที่คุณมองเห็นตามความเป็นจริงโดยไม่ต้องปรับแต่งภาพ ในตอนนี้คุณสามารถสร้างภาพถ่ายในแบบ HDR ได้จากภาพๆ เดียว โดยไม่ต้องนำภาพที่มีการรับแสงต่างกันหลายภาพมาซ้อนกัน
EOS-1D X Mark III/ EF16-35mm f/2.8L III USM/ FL: 31 มม./ Aperture-priority AE (f/8, 3.2 วินาที)/ ISO 200/ WB: อัตโนมัติ
คุณจะเห็นความลึก มิติ และความสมจริงในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนได้อย่างชัดเจน เมื่อคุณดูภาพ HDR PQ บนหน้าจอที่สามารถแสดงภาพแบบ HDR ได้ ลองสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตัวคุณเอง เพียงใช้สาย HDMI เชื่อมต่อกล้อง EOS-1D X Mark III ของคุณเข้ากับหน้าจอที่เข้ากันได้ นี่คือความล้ำสมัยที่เป็นสาเหตุว่าทำไมความสามารถในการบันทึกไฟล์แบบ HEIF จึงเป็นคุณสมบัติที่น่าจับตามอง
EOS-1D X Mark III/ EF100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM/ FL: 234 มม./ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/6400 วินาที)/ ISO 1600/ WB: อัตโนมัติ
นี่คือภาพ HDR PQ HEIF ที่ถูกแปลงให้เป็นไฟล์ JPEG เมื่อใช้ซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional ของ Canon ในการแปลงไฟล์ HEIF เป็น JPEG คุณจะได้ภาพที่มีความสมจริงเหมือนกับภาพที่คุณเห็นจากหน้าจอ HDR ซึ่งโทนและสีสันต่างๆ ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนตามที่ตาของมนุษย์มองเห็น
การบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบ 4K โดยไม่ครอปและภาพ RAW แบบ 5.5K: กล้องสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์อันยอดเยี่ยม
ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพเคลื่อนไหวของกล้อง EOS-1D X Mark III ได้รับการพัฒนาขึ้นมากเช่นกัน ความสามารถในการสร้างเอฟเฟ็กต์โฟกัสชัดตื้นนั้นมีอยู่ในเซนเซอร์ภาพแบบฟูลเฟรม 35 มม. ของกล้อง แต่ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่จากพื้นที่ของเซนเซอร์ที่กว้างในการถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบ 4K โดยไม่ครอปซึ่งสุ่มด้วยความถี่สูงจาก 5.5K รวมทั้งภาพเคลื่อนไหว RAW แบบ 5.5K ได้ในกล้อง คำว่าไม่ครอป หมายความว่า ที่ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 35 มม. ใดๆ มุมรับภาพจะเหมือนกับที่คุณเห็นในขณะถ่ายภาพนิ่ง ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณถ่ายโดยใช้มุมกว้าง
นอกจากจะสามารถบันทึกได้ทั้งในมาตรฐาน 4K DCI (4096×2160) ซึ่งนิยมใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ และมาตรฐาน 4K UHD (3840×2160) ที่ใช้ในการแพร่ภาพแล้ว EOS-1D X Mark III ยังรองรับการบันทึกวิดีโอภายใน Canon Log แบบ 10-บิต 4:2:2 ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพยนตร์หรือฟุตเทจสำหรับการแพร่ภาพ คุณก็มั่นใจได้ว่า EOS-1D X Mark III สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน
ความแตกต่างของมาตรฐานการบันทึกวิดีโอในแบบต่างๆ
A: DCI 4K (สุ่มด้วยความถี่สูงจาก 5.5K)
B: UHD 4K (สุ่มด้วยความถี่สูง)
C: DCI 4K (ครอป)
การประมวลผลแบบสุ่มโดยใช้ความถี่สูงด้วยเทคโนโลยีของระบบ Cinema EOS
เมื่อถ่ายภาพเคลื่อนไหว 4K DCI โดยไม่ครอป ข้อมูล RGB ในแบบ 5.5K (สีแดง 5.5K สีเขียว 5.5K สีน้ำเงิน 5.5K) จะถูกสร้างขึ้นก่อน จากนั้นจึงถูกลดขนาดลงให้เป็นข้อมูลแบบ 4K นี่เป็นเทคโนโลยีการสุ่มด้วยความถี่สูงแบบเดียวกับที่พบในระบบ Cinema EOS แบบดิจิตอลของ Canon
และคุณยังสามารถเลือกถ่ายภาพเคลื่อนไหว 4K แบบครอปได้ด้วย ไม่ว่าคุณจะเลือกถ่ายภาพเคลื่อนไหว 4K แบบครอปหรือไม่ คุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับฟุตเทจที่มีรายละเอียดชัดเจนกว่ากล้อง EOS-1D X Mark II ด้วยฟิลเตอร์ Low-Pass ความละเอียดสูงที่มีการแยก 16 จุดและการประมวลผลภาพความละเอียดสูงด้วยระบบประมวลผลภาพ DIGIC X
สเปคสูงเพื่อการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านวิดีโออย่างสร้างสรรค์
นอกจากเซนเซอร์ CMOS และระบบประมวลผลภาพ DIGIC X ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแล้ว การใช้การ์ด CFexpress ซึ่งสามารถเขียนได้ด้วยความเร็วสูงยังมีส่วนช่วยเพิ่มความสามารถในการถ่ายภาพเคลื่อนไหวให้กล้อง EOS-1D X Mark III อีกด้วย ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัดเมื่อเทียบกับกล้องถ่ายภาพยนตร์แบบดิจิตอลและความสามารถในการบันทึกไฟล์ RAW แบบ 5.5K โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตัวบันทึกวิดีโอภายนอก EOS-1D X Mark III จึงเป็นเครื่องมือที่น่าหลงใหลอย่างยิ่งหากคุณต้องใช้ความสร้างสรรค์ในการถ่ายวิดีโอ
ตัวเลือกในการบันทึกที่หลากหลายของกล้อง EOS-1D X Mark III นั้นมีความน่าสนใจเป็นพิเศษเมื่อต้องถ่ายวิดีโอในฉากที่จำเป็นต้องมีการตัดต่อมาก คุณสามารถตัดต่อไฟล์ RAW แบบ 5.5K ที่ได้จากกล้อง EOS-1D X Mark III ได้ในซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional ของ Canon ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของฟุตเทจได้โดยที่คุณภาพของภาพไม่ลดลง ด้วยการปรับสมดุลแสงขาว รูปแบบภาพ และพารามิเตอร์อื่นๆ เช่นเดียวกับที่คุณปรับแต่งไฟล์ RAW ของภาพนิ่ง และยังสามารถดึงเอาเฟรมภาพนิ่งความละเอียดประมาณ 16 ล้านพิกเซลออกมาจากฟุตเทจ 60 fps/50 fps (5472×2886) แบบ RAW 5.5K และส่งออกในรูปแบบไฟล์ JPEG, TIFF หรือ HEIF ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการวางแผนรองรับปลั๊กอินสำหรับซอฟต์แวร์ปรับแต่งภาพ RAW สำหรับภาพยนตร์ของ Canon และซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตอื่นๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการตัดต่อ
มาตรฐานการบันทึกหลักๆ ที่รองรับ
*อัตราเฟรม: PAL/NTSC
●MP4 H.264 (YCbCr 4:2:0/ 8 บิต)
ไม่ครอป: DCI 4K 50p/60p (ALL-I/IPB) (MF เท่านั้น)
ไม่ครอป: DCI 4K 25p/24p (PAL) หรือ 30p/25p/24p (NTSC) (ALL-I/IPB) (AF)
สุ่มด้วยความถี่สูง: UHD 4K 50p/60p (ALL-I/IPB) (MF เท่านั้น)
สุ่มด้วยความถี่สูง: UHD 4K 25p/30p (ALL-I/IPB) (AF)
ครอป: DCI 4K 50p/60p (ALL-I/IPB)
●MP4 HEVC Canon-Log (YCbCr 4:2:2/ 10 บิต)
ไม่ครอป: DCI 4K 50p/60p (ALL-I/IPB) (MF เท่านั้น)
ไม่ครอป: DCI 4K 25p/24p (PAL) หรือ 30p/25p/24p (NTSC) (ALL-I/IPB) (AF)
สุ่มด้วยความถี่สูง: UHD 4K 50p/60p (ALL-I/IPB) (MF เท่านั้น)
สุ่มด้วยความถี่สูง: UHD 4K 25p/30p (ALL-I/IPB) (AF)
ครอป: DCI 4K 50p/60p (ALL-I/IPB)
●RAW (12 บิต)
ไม่ครอป: 4K DCI 50p/60p (MF เท่านั้น)
ไม่ครอป: DCI 4K 25p/24pP (PAL) หรือ 30p/25p/24p (NTSC) (มี AF)
นอกจากนี้กล้องยังรองรับเอาต์พุตแบบ HDMI ไปยัง 4K/FHD (Canon-Log แบบไม่บีบอัด / YCbCr 4:2:2/ 10 บิต) การบันทึกด้วยตัวบันทึกวิดีโอภายนอก และเอาต์พุตไปยังหน้าจอภายนอก นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพที่มีอัตราเฟรมสูงแบบ Full HD 100p/120p ได้อีกด้วย
โฟกัสได้อย่างแม่นยำด้วย Dual Pixel CMOS AF รวมถึง Eye Detection AF
ระบบ Dual Pixel CMOS AF ซึ่งใช้พิกเซลทั้งหมดในเซนเซอร์ภาพ CMOS เพื่อตรวจจับระยะนั้น ทำงานในระหว่างการถ่ายภาพเคลื่อนไหวด้วย* ความจริงแล้ว Movie Servo AF ได้รับการปรับปรุงคุณภาพเนื่องจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นในการอ่านสัญญาณจากเซนเซอร์ CMOS และการประมวลผลที่รวดเร็วขึ้นของ DIGIC X การพัฒนาความเร็วของ AF และลักษณะการติดตามจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นโดยอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถติดตามตัวแบบได้อย่างราบรื่นและเชื่อถือได้ ทำให้คุณถ่ายวิดีโอได้โดยไม่ต้องมีผู้ช่วย
ความละเอียดสูงของภาพเคลื่อนไหวแบบ 4K จะทำให้มองเห็นได้ชัดมากหากมีส่วนที่อยู่นอกโฟกัสเพียงเล็กน้อย แต่ความแม่นยำสูงของระบบ Dual Pixel CMOS AF ซึ่งมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น Eye Detection AF จะช่วยให้คุณล็อคโฟกัสได้อย่างง่ายดายแม้ในสถานการณ์ที่ยากต่อการถ่ายทำ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของฟุตเทจได้ ในระหว่างโฟกัสแบบแมนนวล ข้อมูลเกี่ยวกับระยะห่างจาก Dual Pixel CMOS AF จะถูกนำมาใช้ใน Focus Guide ซึ่งแสดงตำแหน่งโฟกัสเพื่อช่วยให้โฟกัสได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
* เฉพาะ MF เท่านั้นที่ใช้ได้กับ:
– 4K DCI 50p/60p และ 4K UHD 50p/60p สุ่มด้วยความถี่สูงและไม่ครอป
– 4K DCI 50p/60p RAW
การใช้งานที่ง่ายยิ่งขึ้น
แผงจอ LCD ด้านหลัง ความละเอียดสูงประมาณ 2.1 ล้านจุดของกล้อง EOS-1D X Mark III ช่วยให้คุณมองเห็นฉากได้อย่างชัดเจน แม้ว่ากล้อง EOS-1D X Mark II สามารถใช้งานระบบสัมผัสได้เฉพาะในการควบคุม AF เท่านั้น แทบทุกเมนูของกล้อง EOS-1D X Mark III สามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการควบคุมแบบสัมผัส รวมทั้งการดูภาพและคีย์บอร์ดบนหน้าจอ
และ EOS-1D X Mark III ยังมีปุ่มเรืองแสงเจ็ดปุ่มเพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นในความมืด ซึ่งได้แก่ ปุ่ม MENU, INFO, Q, ดูภาพ, ดัชนี/ขยาย/ลดขนาดภาพ, ลบและป้องกัน/การบันทึกเสียง
ประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เพิ่มมากขึ้น
EOS-1D X Mark III เป็นกล้องรุ่นแรกในซีรีย์ EOS-1D X ที่มีคุณสมบัติการเชื่อมต่อ Wi-Fi/บลูทูธในตัว ผู้ใช้จึงสามารถถ่ายโอนรูปภาพและวิดีโอไปยังสมาร์ทโฟนและถ่ายภาพด้วยรีโมทคอนโทรลได้โดยใช้สมาร์ทโฟนที่จับคู่ไว้ซึ่งติดตั้งด้วยแอพ Canon Camera Connect
จับคู่กับอุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย WFT-E9 เพื่อให้ส่งสัญญาณได้รวดเร็วและถ่ายโอนไฟล์ได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
อุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย WFT-E9 ใช้งานได้กับ IEEE 802.11ac/2×2 MIMO และมีสายอากาศแบบ Dual Band สองเส้นซึ่งสามารถส่งสัญญาณได้ด้วยความเร็วสูงถึง 270Mbps นอกจากนี้ยังรองรับโปรโตคอลการส่งสัญญาณแบบ FTP/FTPS/SFTP ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีความปลอดภัยสูงได้ และมีระยะการส่งสัญญาณสูงสุดถึง 150 ม.
เคล็ดลับ: ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ในตัวสำหรับการใช้งานง่ายๆ ในระยะใกล้ ใช้อุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย WFT-E9 กับงานขนาดใหญ่เพื่อการส่งสัญญาณที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น และการควบคุมด้วยรีโมทในระยะไกล
และกล้อง EOS-1D X Mark III ยังรองรับการเชื่อมต่อ LAN ที่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นซึ่งสามารถส่งสัญญาณได้ด้วยความเร็วสูงถึง 700Mbps
เพรียวบางและทนทานยิ่งขึ้น ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบระหว่างน้ำหนักเบากับความทนทาน
EOS-1D X Mark III อาจได้รับการปรับปรุงคุณสมบัติให้ดียิ่งขึ้นหากเทียบกับกล้องรุ่นก่อน แต่กลับมีน้ำหนักเบากว่าราว 90 ก. ทั้งนี้เนื่องจากนักพัฒนาได้ทำการตรวจสอบองค์ประกอบทุกชิ้นและผสมผสานวงจรอิเล็กทรอนิกส์เข้าด้วยกันเพื่อปรับปรุงการออกแบบทางกลไกให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนประกอบใดๆ ที่ไม่จำเป็น
EOS-1D X Mark II: ประมาณ 1,530 ก.
EOS-1D X Mark III: ประมาณ 1,440 ก.
น้ำหนักที่เบาลงไม่มีผลต่อความแข็งแกร่งและความทนทานซึ่งเป็นคุณสมบัติอันเป็นที่ชื่นชอบของกล้องในซีรีย์ EOS-1D X โครงสร้างภายนอกของตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ซึ่งสามารถกันแรงกระแทกสูงและปิดกั้นคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี และยังสามารถป้องกันฝุ่นละอองและความชื้นเทียบเท่ากับกล้อง EOS-1D X Mark II
ไม่ใช่เพียงแค่โครงสร้างของตัวกล้องเท่านั้นที่มีความทนทาน แม้ EOS-1D X Mark III จะใช้แบตเตอรี่ LP-E19 เช่นเดียวกับ EOS-1D X Mark II แต่สามารถถ่ายภาพได้มากกว่าสองเท่าภายในการชาร์จเพียงครั้งเดียว* เนื่องจากมีการจัดการการใช้พลังงานที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ชุดชัตเตอร์ของกล้อง EOS-1D X Mark III ยังได้รับการออกแบบมาให้ผ่านการทดสอบความทนทาน 500,000 รอบชัตเตอร์ ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนภาพที่มากขึ้นเนื่องจากความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องได้ดียิ่งขึ้น
*สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง
นอกจากความเร็ว ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการถ่ายภาพแล้ว ความคงทนและความน่าเชื่อถือยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ EOS-1D X Mark III เป็นกล้องที่เหมาะสำหรับมืออาชีพ
ที่มา : snapshot.canon-asia.com
Reviews
There are no reviews yet.