Nikon Z7 เรือธงใหม่ของค่ายนิคอนที่เป็นกล้องฟูลเฟรมมิลเอลร์เลสรุ่นแรกของค่ายที่มาพร้อมกับ Z6 ที่มีสเปคเป็นรองกว่าพี่ใหญ่ทั้งจุดโฟกัสและรายละเอียดเล็กๆน้อยรวมถึงราคาที่ห่างกัน เพื่อเป็นการทำความรู้จักกับ Z7 ให้ดีมากขึ้น ลองไปดูรายละเอียดกันว่าจุดเด่นจุดแข็งของพี่ใหญ่คนนี้เป็นอย่างไร
ฟีเจอร์หลัก
- ราคาเฉพาะบอดี้ 3,999 ปอนด์
- 45.7 ล้านพิคเซล เซนเซอร์ฟูลเฟรม CMOS
- จุดโฟกัส 493 จุด ระบบ Hybrid AF
- ISO 64-25,600
- ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 9 fps
- หน้าจอ LCD touchscreen ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 2,100k-dot
ดีไซน์
การดีไซด์ของทั้งสองรุ่นนั้นมีคล้ายกันมากและยังคงอัตลักษณ์ของของนิคอนไว้อย่างดี ซึ่งใครที่ใช้ DSLR ค่ายนี้มาก่อนจะสามารถใช้งานกล้อง Mirrorless ทั้งสองรุ่น และยังมีโครงสร้างที่มีความทนทานจากการขูดและกระแทกเหมือน D850 เพียงแต่ Z 7 จะมีขนาดที่เล็กและบางกว่ารวมถึงเทคโนโลยีที่ใส่ไปแบบจัดเต็ม
ด้านปุ่มใช้งานมีการจัดวางไว้อย่างดีสะดวกในการใช้งาน Grip เองยังออกแบบให้มีพื้นที่จับมากขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้จับได้ถนัดมือมากขึ้น ด้านหลังใส่ joystick มาให้เพื่อใช้เลื่อนโฟกัสได้ง่ายและเลื่อนเมนูได้สะดวก ทั้งมีปุ่ม Fn สำหรับตั้งค่าการใช้งาน ซึ่งปุ่มทั้งสองยังอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกการใช้งาน
จอ LCD ขาวดำที่แสดงการตั้งค่าพื้นบานอย่าง Shutterspeed F-stop เป็นต้น เป็นสิ่งที่บางค่ายไม่มี ทำให้สามารถเช็คการตั้งค่าได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมามองหน้าด้านหลัง
หน้าจอและ Viewfinder
จุดอ่อนของ Mirrorless ที่ทำให้ช่างภาพหลายคนต่างไม่ชอบและไม่ค่อยจะมาใช้กล้องรุ่นนี้เท่าคือเรื่องของความละเอียดของช่อง Viewfinder ที่ไม่อาจสู้ช่องมองภาพ DSLR ได้ ซึ่งทางนิคอนตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกันจึงเข็นช่องมองภาพที่มีความละเอียดสูงมาใส่ไว้ใน Z 7 และ Z 6 เพื่อทำให้ช่างภาพไว้วางใจใน Viewfinderรุ่นใหม่นี้ ด้วยความระเอียดสูงถึง 3690k-dots พร้อมกำลังขยาย 0.8 xs
ส่วนหน้าจอด้านหลังมาพร้อมกับขนาด 3.2 นิ้ว 2100k-dot ระบบทัชสกรีน สามารถหงายจอเพื่อสนับสนุนการถ่ายภาพในมุมที่ยากลำบากให้ง่ายมากขึ้น
ฟีเจอร์
สำหรับ Z 7 ถือว่าเป็นเรือธงใหญ่ทางค่ายอัดฟีเจอร์มาให้เน้นๆ ทั้งเซนเซอร์ความละเอียดสูง 45 ล้านพิคเซล มีโฟกัสกว่า 493 จุดครอบคลุมพื้นที่บนเฟรมกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ด้าน ISO ใช้ได้ตั้งแต่ 64-45600 สามารถถ่ายภาพติดต่อกันได้สูงสุด 9 fps น้อยกว่ารุ่นน้อง Z6 ที่ถ่ายได้สูงถึง 12 fps ด้านแบตเตอรี่เป็นเรื่องที่หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงทำมาน้อยกว่าเดิมโดยแบตเตอรี่ 1 ก้อนใช้ถ่ายได้ 330 ภาพ แต่ทางนิคอนแจ้งว่าในสนามจริงจะถ่ายได้มากกว่าที่กำหนดไว้ซึ่งอาจจะมากกว่าถึง 2 เท่าเลยก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามนิคอนเตรียมเปิดตัว grip ไว้เสริมแบตฯ ซึ่งอาจจะเปิดตัวประมาณปีหน้า และยังมีช่อง USB ไว้ชาร์จไฟได้อีกด้วย
เลนส์
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทางนิคอนคงทำใจกันอยู่นานเพราะ F-Mount นั้นมีอยู่ในตลาดและยังเป็นที่รักของช่างภาพกันมายาวนาน การออกเมาท์ใหม่ดูจะเป็นเรื่องหนักใจพอสมควร สุดท้ายก็ถอย Z-Mount ออกมาพร้อมเลนส์รุ่นใหม่ที่มีทั้ง 24-70mm f/4 lens, 35mm f/1.8 และ 50mm f/1.8. Nikon รวมถึงเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างที่สุดอย่าง 58mm f/0.95 ‘Noct และตารางการออกเลนส์ใหม่ที่จะทยอยออกมาเรื่อยๆ โดยทางนิคอนยังออก FTZ adapter สำหรับใครที่สนใจจะใช้ F-Mount กับกล้องตัวใหม่เป็นการบรรเทาความทุกข์ให้แฟนคลับเก่าแก่ไม่รู้สึกว่าโดนทิ้งไว้ข้างหลัง
สุดท้ายเลนส์ที่ระดับซูเปอร์เทเลที่ต้องไม่พูดถึงไม่ได้นั้นคือ เลนส์ระยะ 500 มม. ที่จัดการย่อขนาดให้เล็กลงเมื่อเทียบกับรุ่นเก่าแล้วต้องถือว่าเล็กลงไปมากทีเดียว
naharuethai –
เงินในกระเป๋าเอื้อมไม่ถึงค่ะ อยากได้จัง